อำลาหุ้น “โออิชิ” เทรดวันสุดท้าย ก่อนโดนเพิกถอนวันพรุ่งนี้

อำลาหุ้น “โออิชิ”  เทรดวันสุดท้าย ก่อนโดนเพิกถอนวันพรุ่งนี้
อำลาหุ้น “โออิชิ” เทรดวันสุดท้าย ก่อนโดนเพิกถอนวันที่ 6 กันยายน 2566

 

วันนี้ ( 5 กันยายน 2566 ) เป็นวันซื้อขายวันสุดท้ายของหุ้น “โออิชิ” (OISHI) ก่อนที่จะถูกเพิกถอนหลักทรัพย์ในวันที่6 กันยายน 2566 โดยราคาหุ้นช่วงเช้าได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 49.75 บาท ก่อนที่ปิดตลาดช่วงเช้าราคาจะกลับมาอยู่ที่ 48 บาท โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง 

ทั้งนี้ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI ได้ขอเพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น โดยตอนนี้ OISHI ได้ดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2564 แล้วอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 (4) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงสั่งเพิกถอนหุ้นสามัญของ OISHI จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.2566 เป็นต้นไป โดยหุ้นสามัญของ OISHI จะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันสุดท้ายในวันที่ 5 ก.ย.2566

โดยก่อนหน้านี้ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยเบฟ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของOISHI ถือหุ้นจำนวน 298,720,398 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 79.66% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท) มีความต้องการที่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่เหลือทั้งหมดจำนวน 76,279,602 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20.34% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท เพื่อการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในราคาเสนอซื้อหุ้นที่ราคา 59 บาทต่อหุ้น 

โดยไทยเบฟให้เหตุผลว่าปัจจุบันปริมาณการซื้อ-ขายหุ้นของ OISHI ในตลาดฯมีไม่มากจึงได้ทำ Tender Offer เพื่อเพิ่มทางเลือกและโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยสามารถขายหุ้นได้ รวมถึงไทยเบฟยังอยู่ระหว่างศึกษาปรับโครงสร้างการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจอาหาร และกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

และหากย้อนดูผลประกอบการที่ผ่านของ OISHI พบว่ารายได้และกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้ที่บริษัทมีผลประกอบการฟื้นตัวอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับผลประกอบการทั้งปี 2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 12,802.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,197.45 ล้านบาท  โดย 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทสามรถทำรายได้รวมอยู่ที่10,911.17  ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,046.93 ล้านบาท 

สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัท ประกอบธุรกิจหลัก 2 ประเภท ได้แก่ 

1. ธุรกิจเครื่องดื่ม 

: โดยธุรกิจเครื่องดื่มบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มรสชาติต่างๆ และมีบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายดังต่อไปนี้ 

-โออิชิ กรีนที : มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย ในบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบและขนาด

-โออิชิ โกลด์ : ซึ่งเป็นชาเขียวระดับพรีเมียม

-โออิชิ ชาคูลล์ซ่า : เครื่องดื่มนวัตกรรมชาเขียวโซดา กลิ่นฮันนี่เลมอน

 

2.ธุรกิจอาหาร 

-โออิชิ แกรนด์ จำนวน 1 สาขา

-โออิชิ อีทเทอเรียม จำนวน 9 สาขา

-โออิชิ บุฟเฟต์  จำนวน 7 สาขา

-ชาบูชิ  จำนวน 162 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 161 สาขา และ ในประเทศเมียนมา ที่เมืองย่างกุ้ง จำนวน 1 สาขา

-โออิชิ ราเมน จำนวน 52 สาขา

-คาคาชิ จำนวน 18 สาขา

-ซาคาเอะ จำนวน 1 สาขา

-โฮว ยู จำนวน 3 สาขา

-นิกุยะ จำนวน 8 สาขา

-โออิชิ เดลิเวอรี่ จำนวน 1,151 outlets

-Oishi Food Truck  จำนวน 1 คัน

-โออิชิ บิซโทโระ จำนวน 5 สาขา

-ชาบู บาย โออิชิ จำนวน 2 สาขา

นอกจากนี้ยังมี ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทานภายใต้ตรา “Oishi Eato” “โออิชิ อีทโตะ” เป็นธุรกิจการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุงและพร้อมทาน แช่เย็นและแช่แข็งสไตล์ญี่ปุ่นที่มีคุณภาพในรูปแบบที่หลากหลาย 

TAGS: #OISHI #โออิชิ