อัยการสูงสุด ยื่นคำร้อง ยึดทรัพย์ที่เกี่ยวกับการทำผิด "หุ้น MORE" 4.4 พันลบ. เป็นของแผ่นดิน
รายงานข่าวความคืบหน้าคดีหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น ดี หรือ MORE ระบุว่า นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ รายงานคดีต่ออัยการสูงสุด เรื่องสำนักงานคดีพิเศษ ได้รับสำนวนคดีการตรวจสอบ และการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของ MORE จาก ปปง. แล้ว เพื่อให้พนักงานอัยการรับดำเนินการต่อ
พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหา ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจาก มีพฤติการณ์กระทำผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
นางสาวแววตา ธวัชไพบูลย์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้รับผิดชอบคดี ได้พิจารณาว่าหลักฐานที่พยานรวบรวมมาเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหากับพวกมีพฤติการณ์กระทำความผิด หรือเกี่ยวข้อง หรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง
โดยมีความผิดร่วมกันฟอกเงินอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) และความผิดฐานฟอกเงิน ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
ทั้งนี้ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 สำนักงานคดีพิเศษ รับดำเนินการและยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอศาลได้โปรดทำการไต่สวนและมีคำสั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว ก่อนมีคำสั่งตามมาตรา 51, 55 และยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ ผู้ถูกกล่าวหา กับพวก จำนวน 59 รายการ รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 4,470,877,185.15 บาท
พร้อมดอกผลของเงิน หรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 49 ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551
ตามนโยบายอัยการสูงสุดได้กำชับให้ทุกหน่วยงานภายในสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุดทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด ร่วมกันยกระดับการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนด้วย ความเท่าเทียม ซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม และมีจิตสาธารณะ เพื่อให้การปฏิบัติงานในฐานะของการเป็นหนึ่งในองค์กรในสายธารแห่งกระบวนยุติธรรม เกิดประโยชน์สูงสุดแก่รัฐและประชาชนอย่างแท้จริง การยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินในวันนี้เป็นการยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว
และเมื่อ ปปง. รวบรวมผู้เสียหายและจำนวนเงินที่ได้รับความเสียหาย ให้พนักงานอัยการในลำดับต่อไปแล้ว พนักงานอัยการจะแก้ไขคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งนำทรัพย์สินนั้นคืนแก่ผู้เสียหายต่อไป จึงขอให้ผู้เสียหายติดต่อแจ้งรายละเอียดแห่งความเสียหายเพื่อให้ ปปง.
และพนักงานอัยการดำเนินการให้ได้รับการชดใช้ตามกฎหมายต่อไป และวันนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2566) ศาลแพ่งได้มีคำสั่งไต่สวนคำร้องฉุกเฉินขอให้ยึด และอายัดทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นผู้ดำเนินการยึดหรืออายัด เก็บรักษาทรัพย์สิน ตลอดจนแจ้งคำสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ