SAFE ผู้นำบริการมีบุตรยากครบวงจร โชว์ศักยภาพมุ่งสู่ระดับภูมิภาคเอเชีย

SAFE ผู้นำบริการมีบุตรยากครบวงจร โชว์ศักยภาพมุ่งสู่ระดับภูมิภาคเอเชีย
SAFE โชว์ศักยภาพผู้นำให้บริการทางการแพทย์เพื่อการมีบุตรครบวงจร มุ่งสู่ผู้นำระดับภูมิภาคเอเชียขานรับประเทศไทยเป็นเดสทิเนชั่นของผู้มีบุตรยากจากทั่วโลก

 

ภาพรวมอุตสาหกรรมบริการภาวะผู้มีบุตรยากมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยตลาดการให้บริการภาวะมีบุตรยากทั่วโลก มีการเติบโตเฉลี่ย 13.8% ต่อปี ขณะที่ตลาดการฉีดอสุจอเข้าไปในเซลล์ไข่ (ICSI)ทั่วโลก มีการเติบโตเฉลี่ย 16.4% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการตั้งครรภ์ล่าช้า จากภาวะความเครียด จากการศึกษาที่สูงขึ้น การทำงานนอกบ้าน ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรที่เพิ่มขึ้นรวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะมีบุตรยาก จึงทำให้มีการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาปรับใช้ในการรักษาเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงขึ้น

บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE ผู้ให้บริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพื่อการมีบุตรภายใต้ชื่อ“ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตร เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ เซ็นเตอร์” เป็นศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากที่ให้บริการแบบครบวงจรในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านการเจริญพันธ์ในระดับสากล และได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกเด็กหลอดแก้วแห่งแรกของประเทศไทย และแห่งที่สองในเอเชีย จากสถาบัน RTAC

ด้าน นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ทางการแพทย์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ ให้บริการตั้งแต่ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนให้การรักษาแก่ผู้ที่มีบุตรยากและการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแบบพิเศษ การแช่แข็งไข่ ฝากไข่ อสุจิ และตัวอ่อน เพื่อโอกาสในการเติมเต็มความฝันของการมีบุตรในอนาคต พร้อมผู้ดูแลลูกค้าส่วนบุคคล ที่มีประสบการณ์สูง สามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา คอยดูแลช่วยเหลือตลอดกระบวนการอย่างอบอุ่นและใกล้ชิด

กลุ่มบริษัทฯ ได้นำเครื่องมือทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมาให้บริการแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น ในปี 2555 ได้นำตู้เลี้ยงตัวอ่อนรุ่นใหม่มาใช้เป็นที่แรกในไทย เพื่อใช้ในการติดตามพัฒนาการของตัวอ่อนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และในปี 2557 มีการนำเทคโนโลยีคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนทั้ง 24 โครโมโซมมาใช้แห่งแรกในประเทศไทย อีกทั้งยังได้มีการนำเข้าเทคโนโลยีการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์และในปี 2562 ได้นำเทคโนโลยีฟื้นฟูรังไข่เข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและอัตราความสำเร็จ เป็นต้น

ปัจจุบัน บริษัทฯ มี 2 บริษัทย่อย ซึ่งถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 99.99 และร้อยละ 80 ตามลำดับ ได้แก่ (1) บริษัท เน็กเจนเนอร์เรชั่น จีโนมิค จำกัด (NGG) ดำเนินธุรกิจด้านการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและทารกในครรภ์และการให้บริการด้านห้องปฏิบัติการทางด้านพันธุศาสตร์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจของบริษัทฯ รวมถึงให้บริการแก่ลูกค้าภายนอกด้วย อาทิ จากโรงพยาบาลชั้นนำ และคลินิกสูตินรีเวช และศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากในประเทศไทย และ 

(2) บริษัท เซฟ เวลเนส จำกัด (SWC) ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านผิวหนังและความงามภายใต้ชื่อ เดอะฟาวเทนเวลเนส เซ็นเตอร์ (The Fountain Wellness Center) ให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจรตั้งแต่ก่อนและหลังมีบุตร

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้ 1) การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี IUI เป็นการฉีดน้ำเชื้อที่ผ่านการคัดกรองเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง 2) การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี ICSI  คือการช่วยปฏิสนธิของไข่และเชื้ออสุจิภายนอกร่างกายและส่งกลับตัวอ่อนเข้าไปยังโพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ 3) การย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก แบ่งเป็นการย้ายตัวอ่อนแบบรอบสด และรอบแช่แข็ง 

4) บริการแช่แข็งเก็บรักษาเซลล์ไข่ อสุจิ และตัวอ่อน 5) การเก็บอสุจิ ด้วยวิธี TESE หรือการเก็บอสุจิโดยตรงจากอัณฑะ 6) เทคโนโลยีคัดอสุจิด้วยวิธี IMSI ด้วยกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงเพื่อคัดเลือกอสุจิลักษณะดีมาผสมกับเซลล์ไข่ 7) การคัดกรองอสุจิด้วยวิธี MACs Sperm เพื่อคัดกรองอสุจิที่มีคุณภาพ โดยให้บริการผ่านสาขาทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ สาขาอัมรินทร์ พลาซ่า รามอินทรา ภูเก็ต ขอนแก่นและศรีราชา และมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวมถึงมีช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Line Official, WhatsApp และเว็บไซต์ของบริษัท ในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของบริษัทไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซฟ  เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป กล่าวต่อว่า ประเทศไทยถือเป็นเดสทิเนชั่นเติมเต็มความฝันของผู้มีบุตรยากจากภูมิภาคเอเชีย และจากทั่วโลก เนื่องจากมีความได้เปรียบในหลายประการ อาทิ มาตรฐานการรักษาความสะอาดและความปลอดภัยจาก Covid-19 การเชื่อมต่อดิจิทัลที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ฯลฯรวมถึงมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2569 เป็นต้น รวมถึงการมีนโยบายที่ค่อนข้างยืดหยุ่นและดึงดูดชาวต่างชาติ อาทิ นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามารับการรักษาในประเทศไทยสามารถอยู่อาศัยได้นานถึง 90 วัน รวมถึงค่ารักษาที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ภายใต้มาตรฐานระดับเดียวกัน ฯลฯ

กลุ่มบริษัทฯ จึงได้ใช้ศักยภาพของกลุ่มบริษัทฯ ที่เป็นผู้นำด้านการให้บริการศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรครบวงจรที่มีแพทย์และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉลี่ยมากกว่า 15 ปี รวมถึงนักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่มีประสบการณ์มากว่า 10 ปี ในการรักษาและการคัดเลือกเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ด้วยอัตราความสำเร็จของการตั้งครรภ์เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 75 ซึ่งในปี 2563 ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 47.5 เป็นร้อยละ 71.6 กรณีไม่ได้ตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน และร้อยละ 63.5 เป็นร้อยละ77.2 กรณีเพิ่มบริการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน

นอกจากนี้ รูปแบบทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ยังเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันที่จะผลักดันให้กลุ่มบริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยรูปแบบการให้บริการแบบ Integrated Full Service สำหรับศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านการเจริญพันธ์ในระดับสากล รวมทั้งมีสาขาตามสถานที่สำคัญๆ รวม 5 สาขา มีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงพยาบาล คลินิกสูตินรีเวช ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตร ห้องปฏิบัติการ และบุคลากรทางการแพทย์ การเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมเพื่อฝึกอบรมให้แก่นักวิทยาศาสตร์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและได้รับความไว้วางใจในการรักษาผู้มีบุตรยากที่เป็นชาวต่างชาติถึง 2,483 ราย อาทิ จีน อินเดีย เมียนมา เวียดนาม สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฯลฯ เพื่อก้าวเป็นผู้นำด้านการรักษาผู้มีบุตรยาก การวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในระดับภูมิภาคเอเชีย

TAGS: #SAFE