MCA เคาะราคา IPO 3.30 บ. เปิดจองซื้อ 16-18 ต.ค. จ่อลงสนามเทรดเร็วๆนี้ ชูจุดเด่นหนึ่งในผู้นำ Marketing Agency แบบครบวงจร รายแรกในตลท.
กิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ( Lead Underwriter ) บมจ.มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย (“MCA”) เปิดเผยว่าล่าสุดได้มีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO MCA ที่ระดับราคาหุ้นละ 3.30 บาท โดยกำหนดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคมนี้ และคาดว่าหุ้น MCA จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ ในเร็วๆนี้
สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 3.30 บาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม เนื่องจาก MCA มี Business Model ที่มีความโดดเด่น ในการเป็นผู้นำธุรกิจด้านแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดแบบ One-stop service marketing ที่ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมการตลาดที่หลากหลายรูปแบบ ให้กลุ่มลูกค้าครบทุกมิติ รายแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้การบริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัล (Marketing activities and Digital), การให้บริการบรรจุและจัดส่งสินค้า (Packing and Logistic), การให้บริการพนักงานแนะนำสินค้า(Product Consultant) และการให้บริการจัดเรียงสินค้า (Merchandiser) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของศักยภาพรูปแบบการให้บริการการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดของMCA ที่ครบวงจรเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ดังนั้นจึงเชื่อว่าจากปัจจัยดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบเชิงการแข่งขันของบริษัทฯสู่การเติบโตในอนาคต ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้ามาจองซื้อหุ้นMCA ได้อย่างแน่นอน
ด้านนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินว่า MCA เป็นผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด สามารถให้บริการ จัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และด้วยจุดเด่นในการเป็นผู้ให้บริการในการจัดกิจกรรมทางการตลาดแบบ One-stop service marketing ที่สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจ ให้แก่ลูกค้า ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) การสร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่ม ผู้อุปโภคบริโภค (Customer Engagement) ไปจนถึงการผลักดันยอดขาย (Boost Sales) การให้บริการในส่วนของการจัดตั้งบูธสินค้า (Booth) การจัดโรดโชว์สินค้า (Roadshow) หรือการจัดกิจกรรมทางการตลาด (Marketing Event)
โดยบริษัทฯมีประสบการณ์ในการให้บริการแก่ลูกค้าหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งแบรนด์สินค้าในประเทศและต่างประเทศมากกว่า10 ปี พร้อมทั้งมีฐานข้อมูลพนักงานผู้ให้บริการภายนอก (Outsource) มากกว่า 9,100 คน ที่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศ และล่าสุด MCA ได้ขยายธุรกิจสู่การดำเนินธุรกิจใหม่ ในการเข้าไปเป็น ผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) เพื่อต่อยอดจากประสบการณ์ผู้ให้บริการส่งเสริมการตลาดครบวงจร ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่บริษัทฯ ได้เพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจาก Distributor มีคู่แข่งน้อยราย และมีUpside ในตลาดอย่างมาก
“ในฐานะ FA มองว่า MCA เป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์น่าลงทุน เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการทางกลยุทธ์ และการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสนับสนุนการขายที่ครบวงจร ดังนั้นไม่ว่าเศรษฐกิจปรับตัวในทิศทางใด กลุ่มลูกค้าหรือผู้ประกอบการก็ยังคงจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์กิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย สร้างรายได้ ให้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆซึ่ง MCA สามารถตอบโจทย์ทุกการให้บริการด้าน Marketing Agency แบบครบวงจรให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี”
นายภักดี เหล่างาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย (“MCA”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ ที่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจบริการกิจกรรมทางการตลาดและการสร้างสรรค์อย่างครบวงจรโดยใช้นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สู่ผลสำเร็จและการเติบโตอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่การสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นในอนาคต เพราะ MCA คือผู้นำด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในรูปแบบ Marketing Agency ที่ครบวงจร โดยมีเทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและประสบความสำเร็จสู่การต่อยอดในอนาคต ทั้งนี้หัวใจหลักที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของ MCA คือ “ความเชื่อใจ วัดผลได้ อย่างมืออาชีพ” เนื่องจากบริษัทฯเชื่อว่า ระบบที่ดีจะสร้างผลงานที่มีคุณภาพ และทีมงานที่ดีจะสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือแรงผลักดัน เพื่อยกระดับองค์กร สู่มาตรฐานสากลและสร้างมูลค่าเพิ่มการเติบโตในอนาคต
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 198 ล้านบาท (สุทธิ 184 ล้านบาท) บริษัทฯ จะนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียน และรองรับการลงทุนในสินทรัพย์ พร้อมทั้งนำไปขยายธุรกิจสู่การดำเนินธุรกิจใหม่ในการเข้าไปเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) เนื่องจากบริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายเข้าไปสู่การดำเนินธุรกิจDistributor เพราะปัจจุบัน มีผู้ประกอบการในธุรกิจดังกล่าวน้อยราย
ดังนั้นมองว่าเป็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต และด้วยแผนกลยุทธ์ที่มุ่งสู่ธุรกิจ Distributor ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ ได้รับโอกาสจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์จำนวน 2 ราย ซึ่งทั้งคู่เป็นลูกค้าปัจจุบันของบริษัทฯ ในการเริ่มดำเนินธุรกิจการบริการเป็นผู้จัดจำหน่าย (Distributor) รูปแบบ Principal ในโครงการนำร่อง (Pilot Project) จำนวน 2 โครงการได้แก่ โครงการที่ 1 มีระยะเวลาโครงการ 6 เดือน (เดือนกรกฎาคม-เดือนธันวาคม ปี 2566) สำหรับดูแลสินค้าจำนวน 7 แบรนด์ โดยมีขอบเขตการรับผิดชอบในการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าประเภทร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) 13 จังหวัดที่กระจายอยู่หลากหลายพื้นที่ในประเทศไทย และโครงการที่ 2 มีระยะเวลาโครงการ 6 เดือน (เดือนกันยายน ปี 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567) เป็นการดูแลสินค้าจำนวน 7 แบรนด์ โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นร้านค้าประเภทร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม(Traditional Trade) ทั่วประเทศไทย โดยคาดหวังอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจผู้จัดหน่ายสินค้า (Distributor) อยู่ที่ 5-15% ซึ่งทุกโครงการที่บริษัทฯ เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า จะช่วยผลักดันความสามารถในการดำเนินงานบริการเป็นผู้จัดจำหน่ายของบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถตอบโจทย์การให้บริการทางการตลาดที่หลากหลายรูปแบบครบทุกมิติ สู่การสร้าง New S-Curve ให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
“มองว่า MCA เป็นหุ้น Post-Covid มี Upside อีกมาก ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับบริษัทฯได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในช่วง Covid-19 ถึงแม้ในช่วง Covid จะมีข้อจำกัดในด้านงานกิจกรรมทางการตลาด แต่ MCA ก็สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจปรับกลยุทธ์ ผลักดันบริการจัดเรียงสินค้าให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯยังคงมีกำไรสุทธิในช่วง Covid และยังเป็นบันไดสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯในอนาคต โดยเฉพาะบริการ Shared Merchandiser ซึ่งบริษัทฯคาดหวังประโยชน์จากการเติบโตของฐานลูกค้า และ Economies of Scale ได้อย่างมาก”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มั่นใจว่า ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO MCA จะนำเงินไปใช้ขยายการเติบโตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับบริษัทฯ สู่การเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญในการขับเคลื่อนธุรกิจบริการกิจกรรมทางการตลาดและการสร้างสรรค์อย่างครบวงจรที่มีคุณภาพตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าให้ครบทุกมิติ
ทั้งนี้ สำหรับผลการดำเนินงานของ MCA ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้จากการบริการรวม 210.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.91 ล้านบาท หรือ 16.72% (YoY) จากการเติบโตของทั้ง 4 กลุ่มบริการ และกำไรสุทธิอยู่ที่ 12.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.57% (YoY) เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการบริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัลจากการจัดกิจกรรมทางการตลาดช่วงเทศกาลสำคัญช่วงต้นปี ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ