พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆของไวรัสทางเดินหายใจ รองจากไวรัสโควิด และไข้หวัดใหญ่ การวินิจฉัยยังยาก ต้องใช้การตรวจแบบรหัสพันธุกรรม เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสูง
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเรื่อง "ไรโนไวรัส (Rhinovirus) ผ่านเฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan" โดยระบุว่า คำว่าไรโน แปลว่าจมูก ไวรัสนี้ชอบจมูกนั่นเอง rhino ไวรัส เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัด (common cold) ในเด็กเป็นได้บ่อย เดิมเรารู้จัก rhino ไวรัสเอและบี เป็นไวรัสที่ไม่ทนความร้อน จึงชอบอยู่ที่จมูก ถ้าลงคอหรือหลอดลม มีอุณหภูมิสูงกว่าจะอยู่ไม่ได้ อาการจึงเป็นหวัด น้ำมูกโป่ง
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่ามี rhinovirus C เป็นไวรัสที่ปรับตัวทนความร้อนได้ดี จึงทำให้ลงคอหลอดลมหรือแม้กระทั่งหลอดลมฝอยหรือที่ปอดได้ ทำให้เกิดปอดอักเสบได้ อาการจะคล้ายกับ RSV มาก แยกกันได้ยาก ไม่มียาต้านไวรัส การรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการเช่นเดียวกันกับที่เราเป็นหวัด หรือหลอดลมอักเสบ"
ไรโนไวรัส (Rhinovirus) สายพันธ์ HRV-C สามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่มักจะพบในเด็กๆ บ่อยกว่า เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคกับจมูก แต่หากเชื้อลงไปที่หลอดลมและปอด ก็สามารถทำให้เกิดอาการหลอดลมอักเสบ ปอดบวม ซึ่งคล้ายกันกับอาการของโรค RSV คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองจึงควรเฝ้าระวังโรคนี้เป็นพิเศษ
อาการของไรโนไวรัส พญ.วนิดา พิสิษฐ์กุล โรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนาให้ข้อมูล อาการเบื้องต้นติดเชื้อไรโนไวรัสว่า มีอาการคัดจมูก มีน้ำมูก ไอ จาม เจ็บคอ คออักเสบ หรืออาจมีหลอดลมอักเสบ แต่หากเกิดลุกลามไปถึงเกิดการอักเสบติดเชื้อในปอด จะมีไข้ ไอหอบเหนื่อย หายใจไม่สะดวก ซึ่งอาจสร้างอันตรายถึงชีวิตได้หากเด็กๆ ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องได้ทันเวลา
การป้องกัน
- ดูแลสุขภาพอนามัยของเด็กๆ โดยให้หมั่นล้างมือบ่อยๆ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความรุนแรงของอาการที่เกิดจากเชื้อไวรัสต่างๆ
ทางด้านนพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าหน่วยโรคระบบทางเดินหายใจ หัวหน้าห้อง ICU โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ความว่า ช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไรโนไวรัส Rhinovirus ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆของไวรัสทางเดินหายใจ รองจากไวรัสโควิด และไข้หวัดใหญ่
การวินิจฉัยยังยาก ต้องใช้การตรวจแบบรหัสพันธุกรรม เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสูง ยังไม่สามารถตรวจได้ในราคาถูกโดยใช้ชุดตรวจที่ให้ผลเร็ว ปกติถ้าสงสัย Rhinovirus เราจะไม่ส่งตรวจ เพราะเมื่อทราบแล้วก็ไม่มียาต้านไวรัส ให้ยาตามอาการ ไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะ ไม่มีวัคซีนป้องกัน