การทำตามเสียงของใจตัวเอง หรือเดินตามคำทำนายที่น่าหวาดกลัว "Dune Part: 2" การกลับมาที่ยิ่งใหญ่ สมกับการรอคอยที่ภาคแรกได้ปูทางมาให้
สิ้นสุดการรอคอยสำหรับภาคต่อมหากาพย์สงครามจักรวาล ดูน ที่ภาคแรกกวาดทั้งรายได้และคำวิจารณ์ไปอย่างมหาศาล มีทั้งคนชอบมาก และ งงมาก แต่เมื่อได้สัมผัสงานภาพและเสียงก็ถือว่ายังคุ้มค่าที่จะดูภาพยนตร์เรื่องนี้ และสำหรับภาค2 หรือ "Dune: Part 2" ที่จะเข้าฉายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024 ยังคงได้รับเสียงตอบรับและรอคอยการมาถึงของสงครามความเชื่อ เกมการเมืองระดับจักรวาลนี้
Dune: Part 2 ไม่ปล่อยให้เราง่วงสักนาทีเดียว เนื้อหาอัดแน่น เข้มข้นสมกับที่ภคแรกได้ปูทางมาเพื่อให้เราเข้าใจทั้งภาระของตัวละครอย่าง พอล อะเทรดีส ชายหนุ่มที่ถูกชะตากำหนดไว้ เขาต้องเอาชนะความกลัวต่อกลุ่มผู้ศรัทธาที่เชื่อในการมาของ "The Lisan al-Gaib" ลีซาน อัล-ไกอีบ หรือ ‘เสียงจากนอกโลก’ หรือบางคนเรียกเขาว่า ‘เมสสิยาห์ (Messiah)’ ผู้นำและผู้กอบกู้ตามคำทำนาย พวกเขาพร้อมให้พอลชี้ทางนำความสันติด้วยสงคราม เมื่อโชคชะตาและพลังที่มองไม่เห็นนำพาเขาตัดสินใจจะเชื่อในเรื่องที่ถูกกำหนด คำพยากรณ์และความหวังที่ผู้อื่นมอบให้ หรือยอมรับเสียงจากภายในตัวเองและทำตามแรงปราถนาของตน ในโลกที่มนุษย์เชิญกับความก้าวหน้าขั้นสุดจนถอยกลับสู่ความศรัทธา ศาสดา ผู้นำทางจิตวิญญาณ
เนื้อเรื่องภาคสองนี้เน้นไปที่สงคราม และเกมการเมืองที่จัดหนัก จัดเต็ม งานภาพสวยจนอยากให้หยุดดูซีนต่อซีน ไม่มีหลุด ไม่มีรก ฉากต่อสู้ดีไซน์ออกมาได้อย่างดีมีลูกเล่นเยอะ แม้ว่าทั้งเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นฉากรบ และต่อสู้แต่กลับไม่เบื่อ และยังคงสนุกได้ ฉากทางพิธีกรรมต่างๆดูมีมนต์ขลัง ทำให้เราเข้าใจถึงความคิดดั้งเดิมของชนเผ่าพื้นเมือง เฟรเมน (Fremen) บนดาวอาร์ราคิส (Arrakis)ทั้งยังฉากรวมถึงสีภาพที่ไม่ต้องเห็นตัวละครเรากลับรู้ได้ทันทีว่ากำลังอยู่บนดาวดวงไหน
นักแสดงนำทั้งทิโมธี ชาลาเมต์ , เซนเดย์อา, รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน, จอช โบรลิน, ออสติน บัตเลอร์ และ ฟลอเรนซ์ พิวห์ แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ หากใครสงสัยว่าพ่อหนุ่มร่างบางอย่างทิโมธี ชาลาเมต์จะเป็นผู้นำกองทัพและเป็นศาสดาที่ทุกคนยอมรับได้อย่างไรขอบอกเลยว่าการแสดงของเขาผ่านทางสีหน้าและแววตาเท่านั้นทำเราเชื่อเลยว่านี่คือ เมสสิยาห์ และที่ขาดไม่ได้เลยคือการกลับมาของ ฮานส์ ซิมเมอร์ ผู้ประพันธ์เพลงใน Dune: Part 2 ที่เร้าทุกฉากให้ยิ่งใหญ่อีกขั้น สร้างบรรยากาศระดับจักรวาลได้อย่างมีมิติ
ประเด็นที่เราได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ที่อย่าลืมว่านี่คือภพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายตั้งแต่ปี 1965 ยังคงร่วมสมัยและไม่เปลี่ยนแปลงกับปัจจุบันมากนักทั้งประโยคที่ว่า "ใครที่ได้ครอบครองทรัพยากรที่มีค่าที่สุด คนนั้นยอมได้ครอบครองทั้งจักรวาล" สำหรับจักรวาลของดูน เครื่องเทศที่มีชื่อว่า สไปซ์ บนดาวเคราะห์ทะเลทรายอันโหดร้ายอาร์ราคิส เชื่อกันว่าเป็นสินค้าที่หายากและมีค่าที่สุดในจักรวาล และยังมีทั้งเรื่องของ สังคม การเมือง การครองอำนาจ สงคราม ผู้นำศาสดา ศาสนากับการใช้ศรัทธาชี้นำ ทุกประเด็นยังคงใช้ได้กับโลกปัจจุบัน เมื่อกราพัฒนาไปข้างหน้ากลับถึงจุดเสื่อมถอย กลับสู่วิถีเดิมวิทยาศาสตร์แท้ วิทยาศาสตร์เทียม
ขอแนะนำว่าสำหรับใครที่ต้องการชมภาพยนตร์ Dune: Part 2 ควรจะดูพาร์ทแรก และควรจะหาข้อมูลเรื่องราวเบื้องหลังตัวละครเพื่อความสนุกและอินไปกับภาพยนตร์ในครั้งนี้ รับรองว่าต่อให้รู้เนื้อหามาก่อนไม่ได้ทำให้ความสนุกลดลงเลย เพราะแค่งานภาพและเสียงก็คุ้มค่าแล้วที่จะเข้าไปดู