ระหว่างตั้งครรถ์ หากแม่ดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์จะผ่านทางรกและสายสะดือ และเนื่องจากการขับแอลกอฮอล์ของทารกเป็นไปได้ช้า ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าตัวมารดาและพิษของแอลกอฮอล์จะสะสมอยู่ในตัวทารกนานกว่า
ระหว่างตั้งครรถ์ หากแม่ดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์จะผ่านทางรกและสายสะดือไปทำอันตรายสมอง หัวใจ ไต และอวัยวะต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ด้วย และเนื่องจากการขับแอลกอฮอล์ของทารกเป็นไปได้ช้าจึงทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของทารกจะสูงกว่าตัวมารดาและพิษของแอลกอฮอล์จะสะสมอยู่ในตัวทารกนานกว่าตัวมารดาด้วย
หากดื่มในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ถือว่าช่วงที่อันตรายร้ายแรงที่สุด เพราะเป็นช่วงการสร้างเซลล์ประสาทและสมองของทารก รวมถึงการสร้างอวัยวะต่าง ๆ ได้แก่ หัวใจ ตา แขนขา ตา อวัยวะเพศด้วย โดยมีการเรียกกลุ่มอาการผิดปกติของทารกในครรภ์จากการดื่มแอลกอฮอล์ของมารดาโดยรวมว่า “FASD (Fetal Alcohol Spectrum Disorder)”
กลุ่มอาการผิดปกติของทารกจากการดื่มแอลกอฮอล์ของมารดาขณะตั้งครรภ์หรือ FASD (Fetal Alcohol Spectrum Disorder) ใช้เรียกอาการแสดงหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทารกทุกด้าน ทั้งต่อร่างกาย สมอง พฤติกรรมและการเรียนรู้ของทารก โดยระดับความรุนแรงและอาการแสดงมีตั้งแต่แท้งลูกจนถึงพิการแต่กำเนิด หรือส่งผลต่อพัฒนาการของทารกที่ผิดปกติ เช่น การเรียนรู้ การจดจำ ภาษา การพูด สมาธิสั้น IQ ต่ำ
กลุ่มโรคในทารกที่สัมผัสแอลกอฮอล์ขณะอยู่ในครรถ์มารดา หรือ Fetal Alcohol Spectrum Disorder นี้ประกอบด้วยโรคหรือภาวะต่างๆ 4 ภาวะได้แก่
- Fetal Alcohol Syndrome (FAS)
- partial FAS (pFAS), Alcohol-Related Birth
- Defects (ARBD)
- Alcohol-Related Neurodevelopmental Disorder (ARND)
Fetal Alcohol Syndrome (FAS) เป็นภาวะที่รุนแรงที่สุดในกลุ่มโรค FASD นี้ทารกที่เป็นโรคนี้จะมีลักษณะดังนี้คือ
- มีใบหน้าที่มีรูปร่างผิดปกติที่เป็นลักษณะเฉพาะคือ ร่องเหนือฝีปากบนเรียบ ริมฝีปากบนบาง คางเล็ก จมูกแบน ดั้งจมูกต่ำ ช่องระหว่างเปลือกตาบนและล่างแคบ
- มีการเจริญเติบโตบกพร่องทั้งในช่วงก่อนคลอดและหลังคลอด
- มีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง (ทั้งในด้านโครงสร้างและการทำงาน) และความผิดปกติของพฤติกรรม
ส่วนโรค Partial FAS คือคนที่มีอาการ และอาการแสดงของ FAS แต่มีลักษณะไม่ครบตามเกณฑ์การวินิจฉัยโรค FAS จึงไม่ถูกวินิจฉัยว่าเป็น FAS อย่างไรก็ตาม คนที่เป็น pFAS จำเป็นต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์ การบริการทางสังคมและการดูแลอื่นๆ
เนื่องจาก FASD ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงส่งผลระยะยาวตามมาไม่ว่าจะปัญหาในเลี้ยงดู ปัญหาด้านพฤติกรรมและปัญหาในการดำเนินชีวิตในสังคมเมื่อเติบโตขึ้น ส่งผลต่อไปถึงครอบครัวและสังคมตามมาต่อไป
การวินิจฉัยอาการผิดปกติของทารกในครรภ์จากการดื่มแอลกอฮอล์ของมารดา หากตรวจพบแต่เนิ่นๆ ถือเป็นผลดีต่อทารก สามารถช่วยให้การรักษาเกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากอาการ FASD ตรวจสอบค่อนข้างยาก บางครั้งมักไม่ได้รับการวินิจฉัย หรือวินิจฉัยผิดพลาด เพราะยากที่จะวินิจฉัยว่าเป็น FASD หรือเป็นความผิดปกติทางการพัฒนาการอื่นๆ ที่อาจมอาการทางสติปัญญา หรือพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน