ทิ้งลูกไว้กับหน้าจอ พัฒนาการถดถอย! ซ้ำเป็น "ออทิสติกเทียม"

ทิ้งลูกไว้กับหน้าจอ พัฒนาการถดถอย! ซ้ำเป็น
ปล่อยลูกไว้กับหน้าจอนานๆ พัฒนาการทั้งทางด้านการสื่อสาร และพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็กเช่นมือนั้นถดถอยลง หรือถึงขั้นมีอาการคล้ายออทิสติก

ผศ.นพ. วรวุฒิ เชยประเสริฐ หรือหมอวิน แห่งเพจ เลี้ยงลูกตามใจหมอ ได้ชี้ให้เห็นถึงอันตรายในการเลี้ยงลูกหรือฝากลูกไว้กับหน้าจอต่างๆ ส่วนหนึ่งว่า “หน้าจอกับการเกิดออทิสติกเทียม” 

หน้าจอนั้นมีผลเสียต่อเด็กเล็ก อย่างชัดเจน รวมถึงเด็กโตด้วย หากหน้าจอนั้นถูกใช้โดยไม่มีลิมิต ไม่มีการควบคุมเนื้อหาและระยะเวลาโดยผู้ใหญ่ วันนี้ลองมาดูแง่มุมของหนึ่งในผลเสียของหน้าจอต่อสมองเด็กที่ทำให้เด็กเกิด #อาการคล้ายออทิสติก (Autistic-like Symptoms) อาการคล้ายออทิสติกที่เกิดจากหน้าจอ หรือที่สื่อหลายแห่งเรียกด้วยศัพท์ง่าย ๆ ว่า ออทิสติกเทียม

มีการศึกษาขนาดใหญ่ที่ตีพิมพ์ลง JAMA Pediatrics พบว่า การดูทีวี วีดีโอ และการไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ผู้เลี้ยงกับเด็กที่อายุ 12 เดือนสัมพันธ์กับการเกิด 'อาการคล้ายออทิสติก' ของเด็กที่อายุ 2 ขวบ ... ที่มีความบกพร่องของการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นการพูดช้า สื่อสารไม่ได้ ปัญหาของการแสดงออกทางอารมณ์และรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่น

ทำไมเป็นอย่างนั้น

มีการทำการทดลองด้วยการให้เด็กดูตัวเลข หรือภาพซ้ำ ๆ 1 - 2- 3 ย้ำ ๆ เด็กจะตอบได้เลยว่า เลขไหนคือ 3 และ เลข 3 ตามหลังอะไร ... แต่พอบอกให้ “หยิบดินสอมา 3 อัน” ปรากฎว่า “เด็กทำไม่ได้” เพราะไม่รู้จักการสื่อสารและการแก้ไขปัญหาในชีวิตจริง เนื่องจาก ทีวี ยูทูปพร้อมจะดึงลูกของเราออกจากเราไปสู่ “ภวังค์” ของมัน

ที่เจอบ่อยๆคือ “เด็กพูดช้า”, “ไม่ยอมพูดเป็นประโยค” และกลุ่มที่พ่อแม่บอกว่า “บางทีพูดไปไม่รู้ว่าเข้าใจไหม” แต่พอถามเรื่อง การท่องศัพท์ หรือท่องอักษร A-Z, 1-100, ก-ฮ หรือ Flash cards ต่าง ๆ ท่องได้ปร๋อเลย แต่ไม่พูดเป็นคำ เป็นประโยค ไม่สื่อสารในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และแปลภาษากายหรือคำสั่งง่าย ๆ ไม่ได้ และพอถามกลับไปเรื่อง “การดูทีวี ไอแพด” เกือบทั้งหมดจะใช้เวลาดู มากกว่า 2 ชม. ต่อวัน บางคน 4-5 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

นิ้วมือไม่ได้รับการพัฒนาพื้นฐานให้แข็งแรง

เว็บไซต์ aboutmom เผย พ่อแม่ยุคใหม่หลายคนเลือกให้ลูกอยู่กับหน้าจอ เพราะไลฟ์สไตล์การเล่นที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เด็กๆ เริ่มต้นฝึกทักษะการใช้มือด้วยการวาดรูป ระบายสี หรือตัดกระดาษ กลายมาเป็นการปัดหน้าจอแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์แทน ทำให้นิ้วมือของพวกเขาไม่ได้รับการพัฒนาพื้นฐานให้แข็งแรงพอจะจับดินสอหรือปากกาได้อย่างถูกต้อง จนกุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกต้องออกมาเตือน

แซลลี่ เพย์น หัวหน้านักบำบัดโรคในเด็กประจำมูลนิธิ The Heart of England กล่าวว่า “เด็กๆ ไม่ได้มาโรงเรียนด้วยมือที่แข็งแรงและคล่องแคล่วเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อนแล้ว จำนวนคนจับดินสอไม่ได้มีเพิ่มขึ้น เพราะขาดทักษะการเคลื่อนไหวพื้นฐานถ้าจะจับและเคลื่อนไหวดินสอให้มั่นคง คุณต้องควบคุมกล้ามเนื้อนิ้วและมือได้ ซึ่งเด็กๆ ต้องการโอกาสในการพัฒนาทักษะเหล่านี้อย่างมาก”

ซึ่งการจะพัฒนาและฟื้นฟูทักษะให้กล้ามเนื้อเหล่านี้ ไม่ใช่แค่เด็กต้องหยุดเล่นกับเทคโนโลยี แต่พวกเขาต้องฝึกเล่นแป้งโด วาดรูป ระบายสี จับกรรไกร ตัดกระดาษ ต่อบล็อกไปด้วย เพราะมันช่วยให้ข้อต่อกล้ามเนื้อหัวไหล่ ข้อศอก และข้อมือพัฒนาร่วมกัน

มีกรณีที่ต้องเข้ารับการบำบัดแล้วคือ แพททริก อายุ 6 ขวบ ต้องเข้าบำบัดทุกสัปดาห์เป็นเวลา 6 เดือน ในการพัฒนากล้ามเนื้อนิ้วชี้เพื่อจะได้จับดินสอได้อย่างถูกวิธี แม่ของเด็กโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ให้ลูกเล่นแท็บเล็ตแทนการเล่นของเล่นทั่วไป ทางโรงเรียนติดต่อหาเธอด้วยความกังวล และบอกว่า แพททริก จับดินสอผิดวิธี เขาจับดินสอเหมือนมนุษย์ถ้ำถือไม้ การบำบัดช่วยได้มาก และต่อไปนี้จะเข้มงวดเรื่องการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น

ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือให้เวลา เล่นกับลูกของเราให้ได้มากที่สุด ดีกว่าปล่อยให้หน้าจอเป็นคนเลี้ยงดีกว่านะคะ

TAGS: #ออทิสตอกเทียม #Autistic-like #Symptoms #เลี้ยงลูก #พัฒนาการเด็ก