ปัญหาสุขภาพจิต และโรคติดต่อทางเพศ ชาว LGBTQIAN+ 

ปัญหาสุขภาพจิต และโรคติดต่อทางเพศ ชาว LGBTQIAN+ 
ปัญหาสุขภาพของกลุ่มหลากหลาย เป็นปัญหาที่ควรให้ความใส่ใจมเนื่องจากกลุ่มหลากหลายเหล่านี้ควรได้รับสิทธิในการรักษาที่เท่นเทียมและไม่ควรถูกเลือกปฏิบัติ

ความไม่เข้าใจของคนยุคเก่าที่คิดว่ากลุ่ม LGBTQIAN+ นั้นเกิดจากความผิดปกติของจิตใจ เป็นโรคจิต หรือประสบปัญหาสุขภาพจิต แต่ปัจจุบันในทางการแพทย์ บุคคลที่มีความหลากหลายเหล่านี้ไม่ได้ “เป็นโรค” หรือ “มีความผิดปกติทางจิต” แต่อย่างใด โดยใน ICD-11 ขององค์การอนามัยโลก ได้ถอดกลุ่มนี้ออกจากความผิดปกติทางจิต แต่ถึงอย่างนั้นได้มีรายงานว่าผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศบางคน ประสบปัญหาสุขภาพจิต เช่น มีภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือมีอาการนอนไม่หลับ โดยเฉพาะในรายที่ไม่ได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัว ชุมชน หรือสังคม หรือในบางรายถูกตีตราจากสังคม บางรายถูกล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้น 

ดังนั้นปัญหาสุขภาพจิตในกลุ่มบุคคลเหล่านี้สมควรจะได้รับความสนใจอย่างจริงจัง ควรมีการเปิดโอกาสในการเข้าถึงบริการในระบบสุขภาพจิตให้มากขึ้น โดยบุคลากรทางการแพทย์จะต้องมีเจตคติในทางบวกต่อบุคคลกลุ่มนี้ รวมทั้งต้องมีสมรรถนะการดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพจิตที่มีความละเอียดอ่อนเชิงเพศภาวะ (gender sensitive)

อย่างไรก็ตามกลุ่ม LGBTQIAN+ ยังมีปัญหาสุขภาพที่ควรใส่ใจ ข้อมูลด้านสุขภาพพบว่ากลุ่ม LGBTQIAN+ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสี่ยงทางสุขภาพได้หลายประการ เช่น ความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาจากการใช้ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร ความเสี่ยงที่จะเกิดโรคบางอย่าง และความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาจากการผ่าตัดแปลงเพศ หรือการทำศัลยกรรม 

ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาทางสุขภาพในประชากร LGBTQIAN+ ในประเทศไทย พบการรายงานเฉพาะการติดเชื้อเอชไอวี และปัญหาที่เกิดหลังจากการผ่าตัดแปลงเพศ หรือการทำศัลยกรรม เป็นต้น ซึ่งพบว่าปัญหาทางสุขภาพทั้งสองกรณีดังกล่าวจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในกลุ่ม LGBTQIAN+ สูงอายุ เนื่องจากจะมีร่างกายอ่อนแอ เพราะระบบภูมิคุ้มกันที่ลดลง และจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากเป็นผู้มีรายได้น้อย ถึงแม้ว่าจะสามารถเข้าถึงการบริการทางสุขภาพได้ก็ยังมีโอกาสถูกตีตราและเลือกปฏิบัติได้ 

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากสมาคมโรคติดเชื้อของสหรัฐอเมริการายงานว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ของไวรัสตับอักเสบเอร้อยละ 10 และ ไวรัสตับอักเสบบีร้อยละ 20 เป็นกลุ่มชายรักชาย (Gay) หรือชายที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้กับผู้ชายและผู้หญิง (Bisexual) ทำให้องค์การอนามัยโลกและศูนย์ควบคุมโรคติดเชื้อนานาประเทศ เริ่มรณรงค์วิธีการป้องกันโรคในกลุ่มนี้กันมากขึ้น 

ทำไมกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายถึงเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่น เพราะการกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายมักจะมีพฤติกรรมการร่วมเพศที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ มากกว่ากลุ่มอื่นๆ จากการใช้ปากร่วมรักกับทวารหนักของฝ่ายตรงข้าม ช่องทวารหนักที่มีความเปราะบาง และเนื้อเยื่อในลำไส้ใหญ่บอบบางมาก ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก จึงอาจทำให้เกิดแผลและการฉีกขาดได้ง่าย ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อเอชไอวีและโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ที่อยู่ในน้ำอสุจิของฝ่ายรุกเข้าสู่ร่างกาย โดยผู้ที่เป็นฝ่ายรับมีความเสี่ยงมากกว่าฝ่ายรุก จากสาเหตุนี้การมีเพศสัมพันธ์ทางนี้จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอซไอวีมากกว่าช่องคลอดของเพศหญิง และยิ่งหากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน จะมีโอกาสติดเชื้อจากคู่สูงถึงร้อยละ 30 เลยทีเดียว

แต่ที่น่าสนใจคือข้อมูลด้านสุขภาพของกลุ่มหลากหลายเหล่านี้มีน้อย หากย้อนกลับไปในอดีตอาจเกิดจากการไม่ให้ความร่วมมือในการทำแบบสอบถาม ไม่ได้ตอบตามความจริงว่าเป็นเพศหลากหลายเนื่องจากกลัวอคติที่จะเกิดขึ้น หรือการที่สังคมยังไม่ยอมรับ ทำให้ไม่สามารถรับข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ

ข้อมูล 1 2 3 4 5

TAGS: #LGBTQIAN #LGBTQ #สุขภาพจิต #โรคติดต่อทางเพศ