Masterpiece Hospital ฉลองครบรอบ 12 ปี เตรียมก้าวสู่ Specialty Hospital

Masterpiece Hospital ฉลองครบรอบ 12 ปี เตรียมก้าวสู่ Specialty Hospital
“Masterpiece Hospital” ฉลองครบรอบ 12 ปี ชูกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ก้าวสู่ Specialty Hospital จัดแคมเปญคืนกำไรให้ลูกค้า รับส่วนลดสูงสุดกว่า 70% เดินหน้าย้ายเข้า SET ภายในปีนี้ตามแผน

วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชฉลองครบรอบ “12 ปี โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช” ตั้งเป้ารายได้ปี 2567 โต 20% จากปีก่อน พร้อมวาง 4 Base Camp Mission to Everest ภายใน 3 ปี ก้าวสู่ผู้นำ Specialty Hospital ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางศัลยกรรมความงามระดับโลก 

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทยและเอเชีย เปิดเผยภาพรวมธุรกิจศัลยกรรมจากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยปี 2567 น่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 75,000 ล้านบาท ขยายตัวราว 5-7% โดยตลาดศัลยกรรมเติบโตตามเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีไลฟ์สไตล์การดูแลสุขภาพและความงาม พร้อมทั้งเปิดกว้างการทำศัลยกรรมมากขึ้น ควบคู่ไปกับมาตรฐานความปลอดภัย

ปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีต่อธุรกิจศัลยกรรมความงาม และ MASTER ในฐานะผู้นำอันดับต้นของอุตสาหกรรมความงามของไทยและเอเชีย มองตัวเองเสมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ (Recurring Income) ในหัตถการใหม่เพิ่มขึ้น 15% (โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้จะต้องทำการพักฟื้นจากหัตถการครั้งล่าสุดอย่างน้อย 6 เดือน และสามารถกลับมาใช้บริการรวมทั้งโปรโมชั่นได้) และอีก 24% เป็นกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยที่ยังไม่เคยทำความงามเลย โดยยังไม่รวมถึงลูกค้าต่างชาติ

โดยปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าแบ่งเป็นคนไทย 76% และต่างชาติ 24% ซึ่งต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชมากที่สุดคือ อินโดนีเซีย คิดเป็น 40% นิยมทำจมูก รองลงมาคือปลูกผม และหน้าอกตามลำดับ สำหรับคนไทยที่ยังคงนิยมทำมากที่สุดยังคงเป็นศัลยกรรมจมูก รองลงมากเป็นกายกคิ้ว ดึงหน้า และอื่นๆ เช่น หน้าอก ทุบโหนก ตัดกราม เป็นต้น

โดยจะขยายสัดส่วนต่างชาติเป็น 30% ในปีนี้ ทั้งจากอินโดนีเซีย พม่า และลาว เป็นต้น ทางโรงพยาบาลมีล่ามของแต่ละภาษาคอยดูแล รวมทั้งทีมการตลาดที่แยกออกต่างหาก ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง โดยมีค่าใช้จ่ายต่อบิลสูงกว่าลูกค้าคนไทยราว 20-30% เพราะลูกค้าต่างชาตินิยมทำ 2 หัตถการขึ้นไปในแต่ละครั้งที่เดินทางมาใช้บริการ

สำหรับการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งหลังปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากลูกค้ากลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นในหัตถการต่างๆ โดยบริษัทยังคงมุ่งมั่นมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้า ด้วยความปลอดภัยมาตรฐานโรงพยาบาล ตอกย้ำความเชื่อมั่น รักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มลูกค้าใหม่ ทั้งคนไทยและต่างชาติ สอดรับกับนโยบายภาครัฐ รองรับตลาด Medical Tourism ที่กำลังเป็นกระแสนิยมทั่วโลก

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการศึกษาและพิจารณาเข้าร่วมลงทุน (M&P) ในธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีก 2-3 ดีล อีกทั้งอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการด้านเอกสารเพื่อเตรียมย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ภายในปี 2567 นี้ตามแผน ซึ่งการย้ายเข้า SET เป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น  

ขณะที่ภาพรวมของ MASTER ยังคงเน้นการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic โดยมองการเติบโตแบบ Merger and Partnership (M&P) ภายใต้กลยุทธ์ Cross Border - Cross Selling และ Cross Synergy ถือเป็นการสนับสนุนการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน

โดยปัจจุบันกลุ่ม MASTER มีจำนวนแพทย์ให้บริการ 47 ท่าน และหากรวมกับพาร์ตเนอร์ที่ร่วมลงทุนจะทำให้บริษัทมีแพทย์ 142 ท่าน คิดเป็น 65% ที่ครอบคลุมทั่วไทย ซึ่งถือเป็นจุดเด่นและสนับสนุนต่อศักยภาพการขยายตัวของธุรกิจ ส่งผลให้ทั้งปี 2567 บริษัทคาดรายได้เติบโต 20% จากปีก่อน และในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2568-2570) บริษัทกำหนดยุทธศาสตร์การเป็นผู้นำตลาดสู่การก้าวเป็นผู้นำ Specialty Hospital กลุ่มโรงพยาบาลเฉพาะทาง สนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางของศัลยกรรมความงาม ซึ่งปัจจุบันกำหนดภาพนิยามเป้าหมาย Mission to Everest ของ MASTER อยู่ที่ Base Camp ที่ 2 จาก 4  Base Camp 

ขณะที่กลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารเน้นการเข้าถึงลูกค้า เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ทั้งนี้บริษัทเน้นพัฒนาด้านบริการ Personalized ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ควบคู่กับการพัฒนาทักษะความสามารถของบุคลากร ทั้งคณะผู้บริหาร ทีมแพทย์ พนักงาน ในเรื่อง Hard Skills และ Soft Skills ที่ช่วยให้บุคลากรมีเครื่องมือในการดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเองออกมาเพื่อสร้างผลงาน เปรียบเสมือนแหล่งพลังงานที่สามารถสร้างได้ด้วยตนเอง หล่อหลอมให้เป็นวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้ พร้อมที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

“เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา เริ่มต้นจาก “มาสเตอร์พีชคลินิก” คลินิกความงาม 1 คูหา ที่สยามสแควร์ ด้วยแพทย์ 1 ท่าน คือหมอเส – นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล (ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Group CEO MASTER) และพนักงาน 3 คน สู่การเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช” ในปัจจุบัน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากความร่วมมือของคณะผู้บริหาร ทีมแพทย์ รวมถึงพนักงานของ MASTER และการผนึกกำลังของพาร์ตเนอร์ในเครือ MASTER กว่า 15 บริษัท สร้างการเติบโตร่วมกัน ซึ่งพาร์ตเนอร์ในแต่ละบริษัทมีความชำนาญการเฉพาะ และมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความต้องการที่จะเติบโต หน้าที่ของ MASTER ในตอนนี้คือการวางกลยุทธ์ ปรับปรุงระบบ และร่วมพัฒนาไปพร้อมกัน เพื่อช่วยขับเคลื่อนการทำงานของบริษัทในเครือ และสามารถพัฒนาไปสู่ความมั่นคงในระยะยาวอย่างมีคุณภาพ” นางสาวลภัสรดา กล่าว 

ในวาระฉลองครบรอบ 12 ปี บริษัทจึงถือโอกาสจัดแคมเปญมอบโปรแรง “12 ปี โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช”รับส่วนลดสูงสุดกว่า 70% โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนบริษัทด้วยดีมาโดยตลอด และเพื่อเป็นของขวัญมอบให้กับลูกค้าทุกท่าน โดยมีระยะเวลาแคมเปญตลอดเดือนกรกฎาคม 2567

สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าชมโปรโมชั่นฉลองครบรอบ 12 ปี โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช กับทุกหัตถการที่ร่วมรายการ ได้ที่ https://www.masterpiecehospital.com/masterpiece-12th-anniversary-promotion/  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2105-4370 และสามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 น. - 18.00 น. ที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ถนนสุโขทัย แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

TAGS: #โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช #MasterpieceHospital #ศัลยกรรม