“บ้านเขียวมุก” จากเพื่อนยุให้ทำ จนกลายเป็นร้านที่มีคิวจองข้ามปี!

“บ้านเขียวมุก” จากเพื่อนยุให้ทำ จนกลายเป็นร้านที่มีคิวจองข้ามปี!
ความอร่อยไม่ธรรมดา ที่มาคู่กับความสบายใจ เหมือนกินข้าวบ้านเพื่อน

ทุกคนคงต้องมีเพื่อนอย่างน้อย 1 คนในชีวิตที่ทำอาหารเก่งมาก ทำอะไรก็อร่อย ออกทริป ปาร์ตี้จะมีคนนี้แหละที่เป็นแม่ครัวของกลุ่ม หยิบจับวัตถุดิบอะไร อยากกินเมนูไหนขอให้บอก และเพื่อนคนนั้นคือ “คุณมุก” เจ้าของ “บ้านเขียวมุก” ร้านอาหารที่มีความพิเศษกว่าปกตินั่นคือ จะเปิดรับวันละ 1 โต๊ะเท่านั้น

โดยจะมีเมนูให้เลือกถึง 8 อย่าง และสามารถขอเมนูเพิ่มเติมได้ เมนูอาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทยจากทุกภาค และทำถึงเครื่องจริงๆ เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มรสชาติอาหารที่คาดหวัง ก่อนที่จะออกเมนูแต่ละอย่างคุณมุกต้องทดลองทำ และเรียกเพื่อนๆ มาลองชิ้มกันให้แน่ใจว่าเป็นรสชาติที่ถูกต้อง

เมนูของที่บ้านเขียวมุกจะสลับซับเปลี่ยนไปทุกๆ 4 เดือน และในครั้งนี้เซ็ตเมนูที่เราได้ลิ้มลองกันเริ่มต้นเปิดต่อมรับรสด้วย “ยำมะม่วงปุ๋มปิ๋ม” โดยชื่อปุ๋มปิ๋มคือชื่อเพื่อนที่ชอบกินยำมะม่วงที่คุณมุกทำให้มาก มะม่วงที่ใช้คือมะม่วงแก้วขมิ้น มีสีออกเหลือง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน น้ำยำเป็นน้ำกะปิ น้ำตาล พริกเท่านั้น อาหารของที่นี่ไม่มีผงปรุงรส

ถัดมาเป็นจานเด็ด จานหลักที่คุณมุกภูมิใจนำเสนอ “น้ำพริกบ้านเขียว” เสิร์ฟคู่กับ “กุ้งเสียบ” ชนิดจืดที่คัดไซส์พิเศษส่งตรงมาจากภูเก็ต หน้าตาอาจจะเหมือนน้ำพริกหนุ่ม แต่รสชาติออกไปทางน้ำพริกกุ้งเสียบ ได้กลิ่นปลาร้าเบา เพราะมีน้ำปลาร้าต้มสุกอยู่ด้วย อร่อยเข้ากันดีกับกุ้งเสียบ แถมจัดเต็มผักสดให้ได้กินคู่กัน เพราะความจัดจ้าน ทำถึง ไม่เสียชื่อน้ำพริก

แต่ถ้าจะให้อร่อยแบบถูกต้องเราขอแนะนำ “คอหมูทอด” การันตีความนุ่ม ฉ่ำ เคี้ยวเพลินชิ้นต่อชิ้น ทอดสุกกำลังดี เคียงมากับผักชี แม้หลายคนจะมองข้ามไป แต่เราอยากให้เปิดใจลองทานคู่กัน อร่อยแน่นอน ทานกับน้ำพริกบ้านเขียวลงตัวสุดๆ

ต่อกันที่ “ใบเหลียงผัดไข่” ออนทอปด้วยกุ้งเสียบ แต่จะเป็นคนละชนิดกับน้ำพริกบ้านเขียว จานนี้จะใช้เป็นกุ้งเสียบชนิดเค็มแทน เสิร์ฟมาพร้อมกับ “แกงส้มใต้ยอดมะพร้าวปลากระพง” ชิ้นปลากระพงไซส์ยักษ์แบบไม่หวงของ ยอดมะพร้าวอ่อนจริงๆ เคี้ยวไปไม่เจอเสี้ยนแน่นอน รสชาติแกงส้มปักษ์ใต้ของจริง เพราะคุณมุกเองชอบทานเผ็ดอยู่แล้ว ดังนั้นอาหารใต้จึงเป็นอาหารโปรด ลองซดน้ำแกงส้มเข้าไป การันตีเลยว่าเผ็ด ถึงเครื่องพริกแกง อร่อยถูกปาก แถมยังเป็นแกงส้มที่ถูกต้องอีกด้วย

ยังไม่จบเพียงแค่นี้จานเด็ดอีกจานที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่รสชาติอร่อยลงตัวนั่นคือ “ปลาอินทรีทอดน้ำปลา” ชิ้นปลาใหญ่เต็มจาน ออนทอปด้วยพริก หอมแดง ราดน้ำปลา พร้อมรอเราบีปมะนาวลงไปทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยจนขอเพิ่มข้าวอีกจาน และที่เราอยากจะบอกคือ “ข้าวสวย” ของบ้านเขียวมุกไม่ใช่ข้าวสวยที่หาซื้อได้ในไทย เพราะเป็นข้าวสวยเกรดส่งออก ทานตอนร้อนๆ คือหอม นุ่ม เพิ่มรสชาติมื้ออาหารในครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สุดท้ายไม่ท้ายสุด ไฮไลต์ของมื้อนี้ “กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ” ไซส์กุ้งคือขนาด 3 ตัวโล หรือขนาดเท่าฝ่ามือ รสชาติอร่อยนัว หอมยั่วน้ำลาย มันกุ้งไหลเยิ้มลงมาผสมกับน้ำมันเกลือ ตักราดบนข้าวทานพร้อมกับเนื้อกุ้งคอมพลีทสุดๆ เสิร์ฟมาหลังสุดเพราะ หากเสิร์ฟก่อนลูกค้าอิ่มเกินจะทานอย่างอื่นได้น้อย ล้างปากด้วยของหวานเพียงหนึ่งเดียว “ยาคูลท์ กรานิต้า”


แต่หากมากันหลายคนแล้วยังไม่จุใจทางร้านมีเมนูอาหารให้สั่งเพิ่มได้นอกเหนือจาก 8 เมนูหลักไม่ว่าจะเป็นไข่เจียวปู หรือจะเป็น “ขนมจีนน้ำยา ลูกชิ้นปลาจัมโบ้” ลูกชิ้นปลาจากภูเก็ต เมนูนี้ใครได้ลองก็ติดใจ เนื่องจากถือเป็นเมนูแรกๆ ที่เพื่อนๆ ขอร้องให้คุณมุกทำให้ทาน

แม้ไม่ได้จบหลักสูตรการทำอาหารมาจากที่ไหน ไม่ได้เรียนมาโดยตรง เรียนรู้จากการช่วยที่บ้านทำอาหารช่วงไหว้เจ้า จนสามารถทำเองได้หมด ได้รู้สูตรต่างๆ จากทั้งของครอบครัว และจากที่คิดค้นขึ้นมาเอง ดังนั้นการมาทานอาหารที่บ้านเขียวมุกจึงทำให้เราได้รับประสบการณ์เหมือนได้มาทานข้าวบ้านเพื่อน ยิ่งถ้ามากันหลายคน ยิ่งสนุก

การเดินทางมาไม่ยาก ร้านตั้งอยู่ในหมู่บ้านเกศินีวิลล์ มีที่จอดรถ 4-5 คัน สามารถแอดไลน์เพื่อจองโต๊ะก่อน แต่ขอบอกว่าคิวตอนนี้ยาวถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าแล้ว จองได้ ที่นี่

TAGS: #BaanKeawMook #รีวิว #บ้านเขียวมุก