เจริญสติ ไม่ใช่แค่ธรรมะเท่านั้น งานวิจัยยืนยันมีผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้

เจริญสติ ไม่ใช่แค่ธรรมะเท่านั้น งานวิจัยยืนยันมีผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้
7 งานวิจัยเผย “การเจริญสติเป็นวิทยาศาสตร์” การเจริญสติไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดเชิงจิตวิญญาณหรือธรรมะเท่านั้น แต่ยังมีผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ ทั้งในด้านการลดความเครียด พัฒนาความสามารถในการทำงาน

การเจริญสติ คือ การกำหนดอิริยาบถให้ทันปัจจุบันและรับรู้ความรู้สึกตามทวารต่างๆ อย่างสม่ำเสมอตลอดเวลาให้มากที่สุด ตามจริงที่ใจรู้พร้อมกับกิริยาเคลื่อนไหวอื่นๆ ทำให้อะไรก็ให้มีสติกำหนดรู้ให้ทันปัจจุบันให้มากที่สุด เหมือนเป็นวิธีการนั่งสมาธิตามพระพุทธศาสนา อาจจะรู้สึกว่าทำไม่ได้จริง หรือหากถ้าทำได้จริงก็เป็นไปได้ยาก แต่วิธีการนี้กลับเป็นวิธีทางวิทยาศาสตร์มากกว่าที่เราคิด เฟซบุ๊ก คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา เผย 7 งานวิจัยที่ยืนยันว่าการเจริญสติเป็นวิทยาศาสตร์ ว่า

"ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา “การเจริญสติ” หรือ “Mindfulness” กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจจากนักวิจัยทั่วโลก มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า การเจริญสติไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดเชิงจิตวิญญาณหรือธรรมะเท่านั้น แต่ยังมีผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ ทั้งในด้านการลดความเครียด การพัฒนาความสามารถในการทำงาน การจัดการกับอารมณ์ และผลดีต่อสุขภาพจิตและร่างกาย

งานวิจัยที่ 1: การเจริญสติช่วยลดระดับความเครียด ลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในเลือด ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เชื่อมโยงกับความเครียด ทำให้ผู้ฝึกมีความสามารถในการจัดการความเครียดได้ดีขึ้น

งานวิจัยที่ 2: ส่งผลดีต่อสมองและการทำงานของสมอง งานวิจัยพบว่า การฝึกสติเป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยเพิ่มความหนาของเนื้อสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจดจำและความยืดหยุ่นในการทำงาน และยังช่วยลดขนาดของอะมิกดาลา ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ควบคุมการตอบสนองของความกลัวและความกังวล

งานวิจัยที่ 3: การฝึกสติช่วยลดอาการวิตกกังวลและซึมเศร้า งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การฝึกสติช่วยลดระดับของอาการวิตกกังวลและซึมเศร้า โดยช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น และช่วยลดการกำเริบของภาวะซึมเศร้าได้

งานวิจัยที่ 4: การเจริญสติส่งผลต่อความสัมพันธ์ในชีวิต งานวิจัยพบว่าผู้ที่ฝึกการเจริญสติมีความสามารถในการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นได้ดีขึ้น ลดการตอบสนองทางลบและเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดี

งานวิจัยที่ 5: ส่งผลดีต่อสุขภาพกาย การเจริญสติไม่ได้เป็นผลดีแค่จิตใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพกายด้วย เช่น ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ การฝึกสติเป็นประจำช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ทำให้สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น

งานวิจัยที่ 6: ช่วยเพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงาน งานวิจัยพบว่าผู้ที่ฝึกการเจริญสติสามารถโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์และแก้ปัญหาที่ดีขึ้น

งานวิจัยที่ 7: ส่งผลดีต่อการนอนหลับ การฝึกสติยังช่วยให้ผู้ฝึกมีคุณภาพการนอนที่ดีขึ้น งานวิจัยพบว่าผู้ที่ฝึกสติเป็นประจำมีการหลับลึกมากขึ้น ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น

By…คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา"

อ้างอิง

 • Brown, K. W., & Ryan, R. M. (2003). The benefits of being present: Mindfulness and its role in psychological well-being. Journal of Personality and Social Psychology.

 • Farb, N. A., et al. (2007). Attending to the present: Mindfulness meditation reveals distinct neural modes of self-reference. Social Cognitive and Affective Neuroscience.

 • Davidson, R. J., & McEwen, B. S. (2012). Social influences on neuroplasticity: Stress and interventions to promote well-being. Nature Neuroscience.

 • Hoge, E. A., et al. (2013). Randomized controlled trial of mindfulness meditation for generalized anxiety disorder: Effects on anxiety and stress. Journal of Clinical Psychiatry.

 • Hölzel, B. K., et al. (2011). Mindfulness practice leads to increases in regional brain gray matter density. Psychiatry Research.

 • Segal, Z. V., et al. (2010). Antidepressant monotherapy versus sequential pharmacotherapy and mindfulness-based cognitive therapy, or their combination, for relapse prophylaxis in recurrent depression. Archives of General Psychiatry.

 • Zeidan, F., et al. (2010). Mindfulness meditation improves cognition: Evidence of brief mental training. Consciousness and Cognition.

ศูนย์ปฏิบัติธรรมเจริญสติแบบเคลื่อนไหว วัดป่าโสมพนัส เผยเทคนิค การเจริญสตินั้นไม่ได้มีแค่การนั่งสมาธินิ่งๆ เท่านั้น แต่ยังสามารถเจริญสติขณะเคลื่อนไหวได้อีกด้วย เช่น “การเดินจงกรม” ก้าวเท้าตามปกติ ไม่เร็วไม่ช้า ไม่ยาวไม่สั้นจนเกินไป ให้พอดีกับที่เราเดิน เอามือไขว้หลัง หรือจับกันไว้ด้านหน้าก็ได้ ไม่ไกวแขน เดินไป-กลับทางตรง ประมาณ 10-12 ก้าวก็พอ ไม่ต้องใช้คําบริกรรมประกอบการเดิน สติระลึกรู้เท้าขณะสัมผัสพื้นทุกครั้งไปเรื่อยๆ รู้เป็นธรรมชาติ

การเจริญสติแบบเคลื่อนไหวอิริยาบถ ที่มีการนั่งสร้างจังหวะและการเดินจงกรมจัดอยู่ในหมวดของ อิริยาบถและสัมปชัญญะบรรพ แต่ความสําคัญของกรรมฐานทุกรูปแบบนั้น เป็นเพียงเครื่องมือให้ได้ ตัวรู้ “สติแบบปรมัตถ์” หรือมหาสติ เป็นอาการรู้ตัวทั่วพร้อมรู้ได้ทั้งกายและจิต

หากสติได้รับการพัฒนาตามขั้นตอนกายคตาสติอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะเกิดอาการของอารมณ์วิปัสสนาตามลําดับ ไม่ว่าจะเป็นการกําหนดรู้กับอาการกายส่วนใด เจริญสติบรรพไหนก็ตาม (ไม่ว่าจะเป็นอานาปานสติ ตามรู้ลมหายใจ,กายคตาสติ ตามรู้อิริยาบถ) จุดสตาร์ทต่างกัน แต่เมื่อขึ้นสู่เส้นทางอารมณ์กรรมฐานได้แล้วก็จะเหมือนกัน ดังนี้

  1. ช้าก็รู้
  2. เร็วก็รู้
  3. เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม (สัพพะกายะปฏิสังเวที)
  4. เกิดความเอิบอิ่มใจ (ปีติปะฏิสังเวที)
  5. เกิดความสุขในขณะเคลื่อนไหวกาย (สุขะปะฏิสังเวที)
  6. รู้ว่าจิตที่ปรุงแต่งสงบระงับแล้ว (จิตตะสังขาระปฏิสังเวที)
  7. รู้ว่าไม่ปรุงแต่ง (จิตตะปะฏิสังเวที)
  8. รู้ว่าดับความปรุงแต่งให้สงบระงับอยู่ (ปัสสัมภะยัง จิตตะสังขารัง)
  9. รู้จิตในขณะเคลื่อนไหวด้วย (จิตตะปฏิสังเวที)
  10. จิตจะเกิดปราโมทย์ (อภิปปะโมจจะยัง จิตตัง)
  11. มีสมาธิตั้งมั่น (สมาทะหัง จิตตัง)
  12. เกิดการปล่อยวาง (วิโมจจะยัง จิตตัง)
  13. เห็นความไม่เที่ยง (อนิจจา)
  14. ความจางคลาย (วิราคา)
  15. ความดับไม่เหลือ (นิโรธา)
  16. ความสลัดคืน (ปฏินิสสัคคา)
TAGS: #เจริญสติ #สมาธิ #เดินจงกลม