หน้าหนาวมาพร้อมอากาศแห้ง และอากาศที่แห้งก็เป็นศัตรูต่อผิว มาแชร์เทคนิคการดูแลผิวตั้งแต่หัวจรดเท้า ในช่วงหน้าหนาวกันเถอะ
ช่วงนี้อากาศหนาว แม้จะไม่กี่วันก็ตาม แต่อากาศที่แห้งทำผิวเราแห้งตามด้วย แต่ทำไมฤดูหนาวถึงส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา ดร.ดอว์น เดวิส ศาสตราจารย์ด้านผิวหนังและกุมารเวชศาสตร์จากคลินิก Mayo รัฐมินนิโซตา อธิบายว่า “หากความชื้นในอากาศต่ำกว่าความชื้นในผิว ผิวของเราจะคายน้ำออกมา” นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผิวจึงดูชุ่มชื้นในฤดูร้อน แต่กลับแห้งผากในฤดูหนาว
เมื่ออากาศหนาวหลายคนเลือกที่จะทำร่างกายให้อุ่น และหนึ่งในนั้นคือ “การอาบน้ำอุ่น” การอาบน้ำอุ่นนานๆ เพื่อหลีกหนีจากความหนาว ยิ่งทำให้ปัญหาผิวแห้งแย่ลงไปอีก เพราะน้ำร้อนจะชะล้างน้ำมันธรรมชาติที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวออกไป และยังทำลายชั้นป้องกันผิว ซึ่งประกอบด้วยเซลล์และไขมันที่ช่วยสร้างเกราะป้องกันภายนอกของผิวหนัง ชั้นนี้ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เมื่อชั้นป้องกันนี้ถูกทำลาย น้ำในผิวจะถูกดูดออกไปสู่อากาศที่แห้งโดยรอบได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ต้องห่วง ยังมีวิธีที่ทำให้ผิวชุ่มชื่นได้
หนังศีรษะ
หนังศีรษะที่มีขุยไม่ได้หมายความว่าจะแห้งเสมอไป ในส่วนของรังแคมักเกิดจากน้ำมันส่วนเกินและการเติบโตของเชื้อราบนหนังศีรษะ ไม่ใช่เพราะขาดความชื้น หากหนังศีรษะแห้งจริงๆ จะมีลักษณะซีดและมีสะเก็ดสีขาวเล็กๆ ที่ลอกออกได้ง่าย ต่างจากสะเก็ดรังแคที่มักจะมีขนาดใหญ่กว่า มีลักษณะมัน และอาจเป็นสีเหลือง
ในกรณีนี้ ควรเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แทนการใช้แชมพูขจัดรังแคซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะสูญเสียน้ำมันธรรมชาติ หากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังไม่ได้ผล แนะนำให้ใช้แปรงสำหรับหนังศีรษะเพื่อขจัดสะเก็ดออกก่อน จากนั้นใช้น้ำมันบำรุงหนังศีรษะ ให้นวดน้ำมันลงบนหนังศีรษะ แล้วสวมหมวกอาบน้ำทิ้งไว้ตลอดคืน วิธีนี้จะช่วยให้น้ำมันซึมซาบเข้าสู่หนังศีรษะได้ดีขึ้น
ผิวหน้า
การเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลผิวหน้าที่แห้ง ควรทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “โลชั่น” “ครีม” และ “ยาขี้ผึ้ง” ซึ่งมักใช้แทนกัน แต่มีคุณสมบัติที่ต่างกัน “โลชั่น” มีลักษณะบางเบาที่สุดเนื่องจากมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก “ครีม” มีน้ำมันและน้ำในปริมาณที่สมดุล ส่วน “ขี้ผึ้ง” ประกอบด้วยน้ำมันเกือบทั้งหมด ทำให้มีเนื้อหนาและมักเคลือบอยู่บนผิวแทนที่จะซึมเข้าสู่ผิวทั้งหมด
โลชั่นซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วแต่ก็ระเหยเร็วเช่นกัน ขณะที่ขี้ผึ้งหนาเกินไปสำหรับผิวหน้าที่บอบบาง ครีมจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากมีความสมดุลทั้งในด้านเนื้อสัมผัสและคุณสมบัติการให้ความชุ่มชื้น โดยส่วนผสมในครีมจะช่วยซึมเข้าสู่ผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และน้ำมันในครีมจะสร้างชั้นป้องกันบางๆ บนผิวเพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
เมื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ให้มองหาครีมที่มีส่วนผสมเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูโรนิก ยูเรีย หรือกลีเซอรีน ซึ่งช่วยดึงดูดน้ำเข้าสู่ผิว ส่วนสารอย่างสควาเลนและเชียบัตเตอร์ช่วยบรรเทาความแห้ง ลดการระคายเคือง และซ่อมแซมชั้นป้องกันผิว ไม่มีส่วนผสมใดดีที่สุดสำหรับทุกคน การเลือกผลิตภัณฑ์ขึ้นอยู่กับประเภทผิวและความชอบส่วนตัว แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ และไม่อุดตันรูขุมขน
ปรับกิจวัตรการล้างหน้าในฤดูหนาว คนที่ล้างหน้าวันละ 2-3 ครั้ง อาจลดลงเหลือครั้งเดียวในช่วงฤดูหนาว โดยควรล้างหน้าในตอนกลางคืนเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอาง ส่วนตอนเช้าอาจหลีกเลี่ยงการล้างหน้า เว้นแต่ผิวจะมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย อาจเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนแทนสูตรที่มีกรดรุนแรง เช่น กรดซาลิไซลิก ไมเซลลาร์วอเตอร์ก็เป็นอีกตัวเลือกที่อ่อนโยนและช่วยลดความแห้งของผิวได้
ริมฝีปาก
แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ ขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก จากนั้นทาวาสลีนบางๆ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น ควรทาวาสลีนทุกคืนก่อนนอน และทาลิปบาล์มระหว่างวันตามความจำเป็น นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปาก เนื่องจากน้ำลายมีความเป็นกรดและเกลือซึ่งสามารถดึงความชุ่มชื้นออกจากริมฝีปากได้
ผิวกาย
ครีมบำรุงผิวสำหรับใบหน้าสามารถใช้กับร่างกายได้เช่นกัน แต่เนื่องจากผิวกายไม่ไวต่อการระคายเคืองเหมือนผิวหน้า จึงมีตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น การใช้น้ำมันสำหรับผิวกาย หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิวอย่างกรดแลคติก หรือกรดไกลโคลิก สำหรับผิวแห้งมาก ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีลาโนลินหรือปิโตรลาทัมซึ่งให้ความชุ่มชื้นสูง
วิธีการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ดีที่สุดคือ หลังอาบน้ำภายใน 3 นาที ขณะที่ผิวยังชื้นเล็กน้อย เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้มากขึ้น ควรจำกัดเวลาอาบน้ำไม่เกิน 10 นาที และใช้น้ำอุ่นแทนน้ำร้อน เพื่อป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว