Together Against RSV: แคมเปญระดับชาติ ปกป้องทารกไทยจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี

Together Against RSV: แคมเปญระดับชาติ ปกป้องทารกไทยจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี
เปิดตัวแคมเปญรณรงค์ "Together Against RSV" ในประเทศไทย แพทย์แนะ เด็กแรกเกิดจนถึงแปดเดือนทุกคน ควรรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ก่อนฤดูกาลการระบาดหนัก ในช่วงหน้าฝน มิถุนายนถึงตุลาคม ลดความรุนแรง ลดความเสี่ยง

โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับซาโนฟี่ เปิดตัวแคมเปญรณรงค์ "Together Against RSV" ในประเทศไทย เพื่อป้องกันโรคติดเชื้ออาร์เอสวีในเด็กทารก โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย (PIDST) ชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (RCPedT) นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยเป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือระดับนานาชาติในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสอาร์เอสวี

โรคติดเชื้ออาร์เอสวี เป็นภาระโรคที่สำคัญในเด็กทารก เนื่องจากเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ผู้ติดเชื้ออาจมีอาการไข้ ไอ น้ำมูกไหล และเจ็บคอ โดยมักแสดงอาการภายใน 4-6 วันหลังได้รับเชื้อ อย่างไรก็ตาม โรคนี้สามารถลุกลามเป็นการติดเชื้อในปอดที่รุนแรง ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หลอดลมฝอยอักเสบและปอดอักเสบ ซึ่งอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยร้อยละ 90 ของเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบจะติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี 

แม้ว่าเชื้อนี้จะเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย แต่เด็กทารกอายุต่ำกว่าหนึ่งปี ทั้งที่เกิดก่อนกำหนดและครบกำหนด มีความเสี่ยงสูงสุดต่อการติดเชื้อรุนแรง องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ทั่วโลกติดเชื้ออาร์เอสวีปีละ 33.8 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ 160,000 ราย โดย 2 ใน 3 ของเด็กที่มีระบบทางเดินหายใจอักเสบเฉียบพลันเกิดจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี

แพทย์หญิงสุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชและโรงพยาบาลบีเอ็นเอช รวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล มุ่งมั่นให้เด็กทุกคนเติบโตอย่างแข็งแรง ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Smart Hospital และความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ การเปิดแคมเปญ ‘Together Against RSV’ และ ‘ศูนย์การวินิจฉัย รักษา และป้องกันการติดเชื้ออาร์เอสวี’ เป็นก้าวสำคัญในการให้บริการดูแลเด็กทารกและเด็กเล็ก 

โดยเป็นสถานพยาบาลแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปเพื่อป้องกันการติดเชื้ออาร์เอสวีในทารก ซึ่งคาดหวังว่าจะช่วยลดการติดเชื้อ ลดความเสี่ยงของโรคระบบทางเดินหายใจ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบและปอดบวม เพื่อให้เด็กไทยมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงและเติบโตอย่างสุขภาพดี

คุณเซนัป ซาดัท ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจวัคซีน ซาโนฟี่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย กล่าวว่า ซาโนฟี่ภูมิใจที่ได้ริเริ่มแคมเปญ ‘Together Against RSV’ ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสมาคมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สะท้อนถึงความตั้งใจในการรับมือกับปัญหาสุขภาพจากโรคติดเชื้ออาร์เอสวี โดยเฉพาะผลกระทบต่อเด็กทารก ด้วยความร่วมมือครั้งนี้ เราหวังเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการปกป้องทารกไทยทุกคนจากโรคอาร์เอสวี สอดคล้องกับพันธกิจของซาโนฟี่ในการพัฒนาวิทยาศาสตร์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน

ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้ความรู้และการป้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคติดเชื้ออาร์เอสวี ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี โดยภาระโรคนี้รุนแรงมากและอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว ล่าสุดมีการพัฒนาแนวทางป้องกัน 2 วิธี คือ การให้วัคซีนในมารดาระหว่างตั้งครรภ์เพื่อส่งต่อภูมิคุ้มกันให้ทารก และการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปแก่ทารกโดยตรง ซึ่งทารกทุกคนควรได้รับการป้องกัน เพราะโรครุนแรงเกิดขึ้นได้แม้ในเด็กที่แข็งแรง

แคมเปญ ‘Together Against RSV’ ไม่เพียงมุ่งเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการป้องกันโรคตามแนวทางของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ฤดูกาลระบาดของอาร์เอสวีในไทยมักเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงตุลาคม ทารกทุกคนควรได้รับการป้องกันก่อนฤดูกาลระบาดจะเริ่มขึ้น ทางราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยร่วมกับสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดทำแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab แนะนำให้ใช้ในทารกอายุต่ำกว่า 8 เดือนทุกราย และพิจารณาให้ในทารกอายุ 8-12 เดือน โดยฉีดเพียงโดสเดียวก่อนฤดูกาลระบาด ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อรุนแรงได้ตลอดฤดูกาล

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยระบุว่า ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab สามารถลดความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างได้ถึง 83.2% ลดความรุนแรงของอาการที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจลงได้ 75.7% และช่วยลดระยะเวลาการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ทั้งนี้ สามารถให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปนี้ร่วมกับวัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็กได้

มาตรการป้องกันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคติดเชื้ออาร์เอสวี เพื่อปกป้องทารกแรกเกิด ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนแอและมีความเสี่ยงสูงสุด ผู้ปกครองสามารถขอคำปรึกษาจากกุมารแพทย์เกี่ยวกับทางเลือกในการป้องกันโรคติดเชื้ออาร์เอสวีได้ที่สถานพยาบาลภาครัฐและเอกชนตั้งแต่วันนี้ เพื่อปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยในปีแรกของชีวิต

TAGS: #RSV #อาร์เอสวี