SACIT ปลุกเสน่ห์ศิลปหัตถกรรมไทย สร้างมูลค่าใหม่ ยกระดับสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ระดับสากล

SACIT ปลุกเสน่ห์ศิลปหัตถกรรมไทย สร้างมูลค่าใหม่ ยกระดับสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ระดับสากล
SACIT เดินหน้าปลุกกระแสศิลปหัตถกรรมไทยด้วยกลยุทธ์ระดับไฮเอนด์ พร้อมยกระดับงานคราฟต์สู่เวทีสากล

สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACIT) ก้าวสู่ปี 2568 ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ที่หรูหราและล้ำสมัย มุ่งพลิกโฉมงานหัตถศิลป์ไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับนานาชาติ ภายใต้แนวคิด “หัตถศิลป์ที่คิดถึง” โดย SACIT วางเป้าหมายชัดเจนในการสืบสาน สร้างสรรค์ และส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมไทยในทุกมิติ นำเสนอผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่เคยใกล้สูญหายให้กลับมาโลดแล่นบนเวทีสากล พร้อมปูทางให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางศิลปหัตถกรรมแห่งอาเซียน

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของปีนี้คือการจัดงาน “SACIT Symposium 2025” และ “Crafts Bangkok 2025”สองอีเวนต์ระดับโลกที่ SACIT ตั้งใจปั้นให้เป็นหมุดหมายใหม่ของวงการศิลปหัตถกรรม งาน Symposium จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านคราฟต์ระหว่างประเทศ ภายใต้แนวคิด “Crafting Sustainability across ASEAN and Beyond” นำเสนอเทรนด์ใหม่แห่งการออกแบบ งานคราฟต์ร่วมสมัย และนวัตกรรมหัตถศิลป์ที่ยังคงรากเหง้าของความเป็นไทย ขณะเดียวกัน งาน Crafts Bangkok 2025 จะเป็นอีเวนต์แสดงผลงานหัตถศิลป์สุดล้ำจากครูช่างระดับตำนานและทายาทแห่งวงการศิลปะหัตถกรรมไทย รวบรวมผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ความประณีตของงานฝีมือไทย เช่น ผ้าไหม เครื่องเงิน เครื่องปั้นดินเผา และ Craft Toy สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

SACIT ยังเดินหน้าสร้างตลาดใหม่ในระดับโลกด้วยโครงการ “SACIT for Middle East” ที่จะขยายตลาดงานคราฟต์ไทยไปสู่กลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ในตะวันออกกลาง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์หรูหรา อาทิ เครื่องเบญจรงค์ประดับทองคำ และเครื่องปั้นดินเผาที่ผสมผสานเอกลักษณ์ไทยเข้ากับรสนิยมของลูกค้าระดับลักซ์ชัวรี ซึ่งโครงการนี้ไม่เพียงช่วยเปิดตลาดใหม่ แต่ยังเป็นการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคระดับสูง เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาดโลกมากขึ้น

อีกหนึ่งภารกิจสำคัญคือการฟื้นฟูงานหัตถศิลป์ที่หายากอย่าง เครื่องรัก-เครื่องมุก และเครื่องเขินล้านนา ซึ่งเป็นงานฝีมือชั้นสูงที่กำลังเลือนหายไป SACIT จึงริเริ่มโครงการอนุรักษ์ต้นน้ำ เช่น การสนับสนุนการปลูกและเก็บเกี่ยว “ยางรัก” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องรัก-เครื่องมุก เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์งานศิลป์เหล่านี้ได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

ในมิติของความยั่งยืน SACIT ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มช่างฝีมือและชุมชน ด้วยการพัฒนางานคราฟต์ตามแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน นอกจากนี้ ยังจับมือกับภาคเอกชน เช่น จิม ทอมป์สัน สยามพิวรรธน์ และไอคอนสยาม เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและเพิ่มมูลค่าให้กับงานศิลปหัตถกรรมไทยในระดับอินเตอร์

SACIT ไม่เพียงมุ่งยกระดับงานหัตถศิลป์ แต่ยังมุ่งสร้าง Ecosystem ศิลปหัตถกรรมไทย ให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล อาทิ Facebook, Instagram, TikTok และ YouTube พร้อมขยายฐานลูกค้าผ่านเครือข่าย Micro Influencers ที่สามารถทำให้คราฟต์ไทยกลายเป็นไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต

การขับเคลื่อนครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรม แต่เป็นการวางรากฐานให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น ศูนย์กลางแห่งศิลปหัตถกรรมในอาเซียน อย่างแท้จริง SACIT พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการนำพางานคราฟต์ไทยก้าวสู่เวทีระดับโลก ด้วยความร่วมสมัย หรูหรา และเต็มไปด้วยอัตลักษณ์ที่ไม่มีใครเลียนแบบได้

TAGS: #SACIT #หัตถกรรมไทย