ปลัดสธ. เผย ไทยปรับฉีดวัคซีนปีละเข็มคู่กับไข้หวัดใหญ่ ชี้ โรคไม่หายไปไหน

ปลัดสธ. เผย ไทยปรับฉีดวัคซีนปีละเข็มคู่กับไข้หวัดใหญ่ ชี้ โรคไม่หายไปไหน
ปลัดสธ. เผย "WHO" ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินในวิกฤตโควิด-19 แล้ว สัญญาณดีพ้นการระบาดใหญ่ เลิกตรวจเชื้อ-ดูประวัติวัคซีน ชี้ โรคไม่หายไปไหน

ปลัดสธ. เผย "WHO" ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินในวิกฤตโควิด-19 แล้ว สัญญาณดีพ้นการระบาดใหญ่ เลิกตรวจเชื้อ-ดูประวัติวัคซีน ชี้ โรคไม่หายไปไหน ยังต้องรับมือให้ดี ย้ำ ไทยปรับฉีดวัคซีนปีละเข็มคู่กับไข้หวัดใหญ่ เน้นกลุ่มเสี่ยง 608

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ได้มีข่าวว่า ดร.เท็ดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Tedros Adhanom Ghrebreyesus) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลกของโรคโควิด-19 

ซึ่งสอดคล้องกับประเทศไทยที่ประกาศปรับจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้เกิดเหตุการณ์อันตรายอะไร อย่างไรก็ตาม ผอ.องค์การอนามัยโลก ยังเน้นย้ำว่า แม้จะยกเลิกเป็นภาวะฉุกเฉินแต่โควิดยังไม่ได้หายไปไหน เรายังต้องรับมือให้ดี

"ปัจจุบันไทยได้ปรับการฉีดวัคซีนโควิด เป็นวัคซีนประจำปี มีระบบเฝ้าระวังและระบบเตือนภัยต่างๆ อย่างช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด เฉลี่ย 10 รายต่อสัปดาห์ แนวโน้มเริ่มคงที่ ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็เริ่มชะลอตัวลง คงไม่เพิ่มมากกว่านี้มากนัก แต่ที่น่ากังวลว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่คือ ผู้สูงอายุ และคนที่ไม่ได้รับวัคซีนโควิดเลย" นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า ดังนั้น ขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 608 เข้ามารับวัคซีนโควิดในเข็มกระตุ้น ซึ่งตอนนี้ สธ. ได้รณรงค์การฉีดวัคซีนคู่ คือวัคซีนโควิด กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อป้องกันในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง โดยขณะนี้กรมควบคุมโรค กำลังรวมตัวเลขการฉีดวัคซีนคู่หลังจากที่ได้คิกออฟไปเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา

ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้่อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การประกาศขององค์การอนามัยโลกไม่ได้มีผลกับแนวทางปฎิบัติของไทย เนื่องจากประเทศไทยได้มีการประกาศให้โควิด เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังมาตั้งแต่เดือน ต.ค.2565 

อย่างไรก็ตาม การประกาศขององค์การอนามัยโลก เป็นการสร้างความมั่นใจว่าควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคได้และจะไม่มีการระบาดใหญ่เกิดขึ้นอีก แต่ทั้งนี้ในแต่ละประเทศยังคงต้องมีมาตรการติดตามกำกับของแต่ละประเทศ ซึ่งสิ่งที่สะท้อนอย่างชัดเจน คือเรื่องของการเดินทาง ต่อไปจะไม่มีการบังคับตรวจหาเชื้อโควิด หรือตรวจดูการรับวัคซีนอีกต่อไป

ส่วนแนวทางปฏิบัติของคนไทยก็ยังคงปฏิบัติตามปกติเหมือนเช่นทุกวันนี้ เรื่องของการบังคับใส่หน้ากากหรือไม่ใส่หน้ากาก ประเทศไทยไม่เคยมีการบังคับให้เป็นดุลยพินิจว่าอยู่ในสถานการณ์หรือสถานที่ที่เหมาะสม เช่น อยู่ในสถานที่แออัด หรือ ตัวเองป่วยหรือไม่

TAGS: #โควิด #Covid19 #สุขภาพ