เมื่อบางประเทศไม่สามารถยอมรับความเปลี่ยนแปลง และความหลากหลายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ตกอยู่ในประเทศยากจน
“ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้บางสิ่งบางอย่างชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท่านไม่สามารถจะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป” หนึ่งในประโยคสุดคลาสสิกจากนวนิยายเรื่อง ปีศาจ งานประพันธ์ของเสนีย์ เสาวพงศ์ หรือชื่อจริงศักดิชัย บำรุงพงศ์ เข้ากับสถานการณ์ที่ผู้มีอำนาจพยายามรักษาอำนาจไว้ด้วยทุกวิธี เพื่อให้ตนได้อยู่ต่อแม้จะฉุดรั้งประเทศให้เดินไปข้างหน้า
หรืออย่างที่ศาตราจารย์ เจมส์ โรบินสัน นักวิชาการแนวหน้าจากมหาวิทยาลัยชิคาโกอธิบายว่า “เหตุใดบางประเทศจึงตกอยู่ในความยากจนในขณะที่บางประเทศประสบความสําเร็จ”
คำถามทั่วไปที่คำตอบยากเหลือเกินที่จะตอบได้ว่าอะไรคือความไม่เท่าเทียมกันของแต่ละประเทศ แต่สำหรับเจมส์ ผู้เขียนหนังสือ Why Nations fail กล่าวว่า ตลาดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจมาอย่างยาวนานโดยการควบคุมแบบเผด็จการได้กำหนดลักษณะของเม็กซิโกในทศวรรษที่ 1940, 50 และ 60 สะท้อนให้เห็นถึงการไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีการแข่งขันทางการเมือง ไม่มีประชาธิปไตยเลย
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราเรียกว่าสถาบันทางการเมืองแบบรวมเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การมีอำนาจทางการเมืองที่กระจายเป็นวงกว้างในสังคม ดังนั้น รัฐเม็กซิโกจึงไม่สามารถพัฒนาศักยภาพในการจัดหาสินค้าสาธารณะและความสงบเรียบร้อยได้ แล้วทำไมล่ะ? เพราะมันถูกใช้เป็นเครื่องมือในการอุปถัมภ์และการเมืองโดยรัฐพรรคเดียว
ดังนั้นในทฤษฎีของเรา ชั้นแรกคือสถาบันทางเศรษฐกิจที่สร้างแรงจูงใจและโอกาสรูปแบบต่างๆ กันในขอบเขตเศรษฐกิจ แต่เบื้องหลังคือสถาบันทางการเมือง เพราะการเมืองคือการศึกษาว่าสังคมมีทางเลือกร่วมกันอย่างไรและสำหรับเรา วิธีการจัดระเบียบเศรษฐกิจคือทางเลือกร่วมกัน สถาบันทางเศรษฐกิจ กฎเกณฑ์ สิทธิในทรัพย์สิน อะไรก็ตาม ที่ออกมาจากระบบการเมือง ดังนั้นความแตกต่างทางเศรษฐกิจที่แฝงอยู่เบื้องหลังก็ต้องมีความแตกต่างทางการเมืองด้วย
เมื่อการเมืองไม่สามารถสร้างความแตกต่างทางการตัดสินใจ ไม่เปิดโอกาสให้เกิดทางเลือกใหม่ๆ ขอบเขตเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิมประเทศจึงยังคงอยู่ที่เดิม เพราะมันถูกใช้เป็นเครื่องมือในการอุปถัมภ์และการเมืองโดยรัฐพรรคเดียว (หรือคนกลุ่มเดียว)
นอกเหนือจากระบบการปกครอง เรื่องเสรีภาพยังคงเป็นอีกสิ่งที่ขับเคลื่อนสังคม ศาสตราจารย์เจมส์กล่าวว่าทุกๆ ที่ผู้คนสนใจเรื่องเสรีภาพ แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขายังเข้าใจด้วยว่ามีข้อเสียในการใช้ชีวิตในสังคมที่ไม่มีรัฐ ไม่มีลําดับชั้น ฐานะ ยศ ซึ่งเป็นการยากที่จะให้ความร่วมมือ จัดหาสินค้าสาธารณะ เพื่อรับความสงบเรียบร้อย ปัญหาพื้นฐานคือวิธีการสร้างรัฐหรืออํานาจส่วนกลางและวิธีควบคุม
ยิ่งเวลาผ่านเลยไปนานเท่าไหร่ ยิ่งเกิดแนวคิด ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่หลากหลาย ไม่ได้เป็นไปใน 1 หรือ 2 ทิศทางอย่างเก่า หากยังใช้วิธีเดิมในการสร้างกฏเกณฑ์ให้สังคม โอกาสให้ทางเลือกใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆก็จะหายไป นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของบางประเทศที่ยังตกอยู่ในความยากจน เช่นเดียวกับที่เราต้องมีวิวัฒนาการเพื่อให้อยู่รอดในแต่ละยุค
ดั่งที่ ‘สาย สีมา’ ตอบโต้ท่านเจ้าคุณ “ผมเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่าความคิดเก่า ทำให้เกิดความละเมอหวาดกลัว และไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องปลอบใจท่านเหล่านี้ได้ เท่ากับไม่มีอะไรหยุดยั้งความรุดหน้าของกาลเวลาที่จะสร้างปีศาจเหล่านี้ให้มากขึ้นทุกที”