การรักษาพนักงานเป็นประเด็นสำคัญสำหรับฝ่ายทรัพยากรบุคคล ทั้งต้นทุนทางการเงินที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียบุคคลที่มีผลการปฏิบัติงานสูง องค์กรจึงควรมีกลยุทธ์ในการป้องกันภาวะสมองไหล

องค์กรต่างๆ เริ่มสำรวจการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และกลยุทธ์การรับฟังขององค์กร เพื่อเพิ่มความสามารถในการลดความเสี่ยงในการลาออกของพนักงาน

กอนซาโล ชูบริดจ์ ที่ปรึกษาฟรีแลนซ์ทรัพยากรบุคคล เขียนบทความ "ถึงเวลาหยุดภาวะ 'สมองไหล' ต่อองค์กร" ว่าองค์กรส่วนใหญ่รับทราบว่า "การรักษาพนักงานไว้เป็นปัจจัยสร้างความแตกต่างทางการแข่งขันที่สำคัญ" 

องค์กรต่างๆ ยอมรับว่าความสามารถขององค์กรในการยึดมั่นความสามารถภายในนั้น มีนัยยะสำคัญต่อความสามารถในการดำเนินกิจการอย่างยั่งยืนในระดับประสิทธิภาพสูงสุด โดยปราศจากการรบกวนและการแทรกแซงที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งส่งผลต่อการหมุนเวียนของพนักงานโดยไม่คาดคิด

ในแง่นี้ ต้นทุนของการสูญเสียและการปรับเปลี่ยนพนักงานที่มีความสามารถนั้นสูงเกินกว่าจะเพิกเฉยได้ หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ค่าใช้จ่ายในการสรรหาบุคลากรและการฝึกอบรม และเวลาสัมภาษณ์ ต้องคำนึงถึงผลที่ตามมาของการสูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน และการสูญเสียความรู้และความเชี่ยวชาญภายในทั้งหมดจากองค์กร

คุณปรัตถจริยา ชลายนเตชะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหญิงคนไทยคนแรก ในรอบ40ปี ของวันดอร์แมน ธอมสัน (WT)อดีต AE ที่ทำงานที่นี่กว่า 29 ปี และสามารถขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งสูงขององค์กร เผยถึงวิธีการในการบริหารพนักงานในองค์กร

WT มีบุคลากรเฉพาะในประเทศไทย 450 คน โดยพัฒนาบุคลากรสนับสนุนให้ตรงกับความสามารถ และยังข้ามสายการทำงานได้เพื่อตอบโจทย์ตวบุคคลให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรให้ทำงานกันเป็นทีมมากยิ่งขึ้น

"ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่มีความต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือต้องการเกษียณตัวเองเร็วขึ้น การหาคนใหม่จึงยากขึ้น สำหรับสถานการณ์สมองไหลในองค์กรเกิดขึนเป็นปกติ บุคลากรที่เฉิดฉายมักเป็นที่ต้องการของตลาด เกิดการซื้อตัวได้

หน้าที่ของเราคือต้องผลักดันให้น้องๆ ได้ฉายแสงต่อไป ไม่ควรเก็บไว้ ให้เขาได้มีชื่อเสียงต่อ ส่วนตัวเราต้องกลับมาทำให้องค์กรน่าอยู่ เพื่อให้น้องๆ รู้สึกว่าทำงานที่นี่ได้ มีเส้นทางอาชีพที่ไปได้ไกล และเป็นพื้นที่เปิดกว้างทางความคิดเห็น" คุณปรัตถจริยากล่าว