เมื่อเด็กๆ หล่นหายไปจากระบบการศึกษา ร่วมเข้าใจปัญหาด้านการศึกษาไทยกับแคมเปญ Limited Education ผ่าน 5 ผลิตภัณฑ์จาก 5 ทีมดีไซน์ Talent Thai & Designers' Room
หากใครยังจำป้ายคาดกล่องผลิตภัณฑ์จากทาง After You ที่เขียนด้วยลายมือเด็กว่า ‘ขนมปังเนยโสด’ หลายๆ คนคงคิดว่าแคมเปญการตลาดใหม่ของแบรนด์ที่ดึงดูดผู้บริโภคอย่างดี แต่จริงๆแล้วภายใต้ตัวหนังสือสะกดผิดๆ ถูกๆเหล่านั้นคือแคมเปญเพื่อการศึกษาจาก Limited Education แคมเปญที่สะท้อนปัญหาด้านการศึกษาของไทย โดยได้หลายแบรนด์ที่มาร่วมคอลแลปส์เพื่อถ่ายทอดปัญหาดังกล่าว
แคมเปญ Limited Education เป็นแคมเปญเพื่อการสื่อสารปัญหาการศึกษาในประเทศไทย ภายใต้โครงการร้อยพลังการศึกษา มูลนิธิยุวพัฒน์ มีเป้าหมายเพื่อที่จะนำเครื่องมือต่างๆ เข้าไปช่วยน้องๆในพื้นที่ห่างไกล หรือขาดแคลนทั้งด้านเทคโนโลยี หลักสูตรในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ไทย สังคม ภาษาอังกฤษ
ทั้งการเติมคุณครู บุคลากรทางด้านการศึกษาสำหรับโรงเรียนรัฐที่ยังขาดแคลน และยังมีแพตฟอร์ม รวมถึงแนะแนวทางการศึกษา และแนวทางอาชีพเพื่อให้น้องๆ ได้ต่อยอด เติมองค์ความรู้ด้านโภชนาการให้คุณครู เพื่อป้องกันปัญหาทุกขโภชนาการ มีเครื่องมือที่หลากหลายเพื่อตอบสนองในหลายประเด็นปัญหาด้านการศึกษาของไทย
เพราะปัญหาการศึกษาของไทยมีความซับซ้อน ตัวคนในประเทศบางส่วนยังห่างไกล ไม่เข้าว่าอะไรคือปัญหาด้านการศึกษา หกปีที่ผ่านมาจึงเกิดแนวความคิดที่ต้องการสื่อสารให้ผู้คนเข้าใจปัญหา แคมเปญนี้เลยผุดขึ้น
คุณกนกวรรณ โชว์ศรี ผู้อำนวยการโครงการร้อยพลังการศึกษา มูลนิธิยุวพัฒน์กล่าวว่า "เราก็ทำงานโดยที่เราพยายามไม่ได้สื่อสารคนเดียว เราชวนคนที่มีศักยภาพ มีความสามารถในเรื่องของการสื่อสารอยู่แล้ว ก็คือแบรนด์ต่างๆ ในประเทศไทยที่มาร่วมกันคอลแลปส์กับเรา ช่วยกันสื่อสารปัญหาด้านการศึกษาให้ขยายวงกว้าง มีคนรู้คนเข้าใจ รับรู้รับทราบมากขึ้น รวมไปถึงให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น"
คุณกนกวรรณยังได้ยกตัวอย่างผลงานที่เคยร่วมทำกับแบรนด์ในปีที่ผ่านๆ มา ผ่านทางผลิตภัณฑ์ที่จะสื่อสารออกไป ภายใต้โจทย์ "เด็กไทยไม่สามารถเขียน อ่านได้อย่างถูกต้อง" โดยการใช้ลายมือน้องๆ ที่สะกดคำผิด มาใช้ในการทำลายผ้า หรือแพตเทิร์นบนผลิตภัณฑ์
"ในส่วนของปีนี้ (2566) แคมเปญ Limited Education ได้ร่วมกับ Talent Thai & Designers' Room เป็นปีที่ 2 แล้วที่เราได้เข้ามาร่วมเป็นโจทย์ โดยทางเราไม่ได้เป็นโจทย์ที่ตั้งต้นมาจากแบรนด์ดีไซน์ แต่เป็นแบรนด์ภาคสังคม โดยมีการแจกโจทย์ปัญหาด้านการศึกษา เมื่อนักออกแบบเข้าใจ เขาได้มีการรวมกลุ่มกันทั้งหมด 5 กลุ่มและได้ผลิตภัณฑ์มา 5 เซ็ต" คุณกนกวรรณกล่าว
โดยทางนักออกแบบได้ดึงศึกยภาพที่เขาได้เรียนรู้จากโครงการ นำมาประยุกต์และออกแบบผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ มีทั้งกลุ่มที่ผลิตออกมาเป็นเซ็ตจิวเวอรี่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ Limited Education ได้คอลแลปส์กับแบรนด์เครื่องประดับ
คุณกนกวรรณกล่าวว่า "เราให้โจทย์แต่ละกลุ่มเป็นวิชาสามัญที่น้องๆ ควรได้เรียน ทุกวันนี้มีเด็กไทยจำนวนมากที่เค้าหลุดออกจากระบบการศึกษาด้วยเหตุผลต่างๆ ส่วนใหญ่เหตุผลหลักคือฐานะทางบ้านที่ไม่มั่นคง ปัญหาในโรงเรียน หรือปัญหารอบตัวที่เกิดขึ้นที่ทำให้น้องๆ ไม่สามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ ตัดสินใจหยุดเรียนไป"
"เราเลยตั้งโจทย์ว่า ทำยังไงให้คนในประเทศเข้าใจปัญหาเด็กหายไปในระบบการศึกษา ผ่านการดีไซน์สินค้าออกมาโดยแจกเป็น 5 หมวดวิชาที่น้องๆ ควรได้เรียนได้แก่ วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และสังคมศาสตร์" คุณกนกวรรณกล่าวเสริม
ทีมที่ 1 วิชาคณิตศาสตร์ แนวคิด: คิดบวก: “ลูกเก๋า” (DICE OF HOPE) เป็นเครื่องประดับ มี 3 แบบ คือ ต่างหู // สร้อยคอ // สร้อยข้อมือ โดยมีตัวเลขต่างๆ จากลายมือน้องๆ เพชร 2 เม็ดที่อยู่บนลูกเต๋าเปรียบเสมือนเด็กๆ ที่มีค่า พร้อมกับใช้เลข 2 และ 4 แทนค่า 20.4% ที่เด็กไทยหายไปจากระบบการศึกษา
"เราประมาณการว่าในช่วงวัยอนุบาล จนจบประถมศึกษาปีที่ 6 มีเด็กหลุดออกจากการศึกษาคิดเป็นร้อยละ 20.4 ซึ่งทางทีมในนำข้อมูลตรงนี้มาใช้ในการออกแบบเพื่อสื่อถึงน้องๆ ที่หายไป"
2. ทีมที่ 2 วิชาวิทยาศาสตร์ แนวคิด: ผ้าห่ม ด.ดาว เป็นผ้าห่มลายดวงดาวที่นักออกแบบในทีมช่วยกันออกแบบดวงดาวของตัวเอง ในคอนเซ็ป ‘ลอสสะตาร์’ ดวงดาวที่หายไป หรือเด็กที่หายไปจากระบบการศึกษา ไม่มีแสงสว่างส่องกระทบให้เราเห็นพวกเขา
"ทางทีมนักออกแบบมองว่าน้องๆ คือดวงดาวในตัวเอง ทีมนักออกแบบเลยออกแบบดวงดาวที่ไม่เหมือนกัน แสดงความเป็นตัวตนของเขา ลงบนผืนผ้าห่ม แต่มีบางช่องที่เป็นสีดำ สื่อถึงน้องๆที่หายไป อาจจะไม่อยู่ในระบบการศึกษาแล้ว"
3. ทีมที่ 3 วิชาภาษาไทย แนวคิด: เสื้อผ้า “วัตถุฮาไว” ชุดเสื้อผ้าฮาวายร่วมสมัย ผสมผสานการเล่าเรื่องผ่านลวดลายบนผืนผ้า ที่หยิบเอาคำไทยในชีวิตประจำวันที่เป็นที่คุ้นเคย และรู้จักมาใช้ เมื่อ ด.เด็ก หายไปจากคำเหล่านั้น คำที่ได้ออกมาจึงผิดเพี้ยนไป
"ตัวด.เด็ก คือสิ่งที่คนไทยเปรียบเทียบเป็นเด็ก ทีมจึงนำคำภาษาไทยที่มีด.เด็ก มาเปลี่ยนเป็นพยัญชนะอื่น และมีลายการ์ตูนที่วาดออกมาตามคำที่เปลี่ยนไปเป็นตัวอื่นแทน"
4. ทีมที่ 4 วิชาภาษาอังกฤษ แนวคิด: Good for Good กระเป๋า พร้อมเข็มกลัด และชุดพู่กันและสี สำหรับลากเส้นต่อจุด เป็นสินค้าที่สร้างอารมณ์ร่วมระหว่าง ชิ้นงานและผู้ใช้ โดยการแสดงออกผ่านรูปแบบ บทเรียนและแบบฝึกหัด ในวิชาภาษาอังกฤษ การลากเส้นเป็นคำ มาสื่อสารเป็นข้อความไปถึง น้องๆ ผู้ใช้งาน และผู้พบเห็น ให้ได้หวนนึกถึงช่วงเวลาวัยเด็กในชั่วโมงวิชาภาษาอังกฤษ
"ใช้กิมมิกของคำว่า How are you today โดยตัวคำที่มองผ่านๆ อาจมองไม่เห็น เหมือนน้องๆ ที่หายไปจากระบบการศึกษา และทางทีมในวิธีการต่อจุดลากเส้นจาก A B C... ให้เป็นตัวหนังสือ ซึ่งเมื่อออกแดด หรือเจอแสงแรงๆจึงจะเห็น"
5. ทีมที่ 5 วิชาสังคมศาสตร์ แนวคิด: Tote bag for SOCIETY กระเป๋าที่สะท้อนเรื่องการศึกษาด้วยการใช้เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผู้คนมาสะท้อนส่วนที่หายไป ผ่านลายกราฟิกคำว่า “Soci ty” ที่ไม่มีตัว e และลายเด็กๆ สีสันสดใส ที่มีบางส่วนที่หายไป เพื่อสื่อให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยให้เด็กๆ ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาได้ เสมือนการเติมตัว e หรือ education ให้กับกระเป๋าใบนี้
"ตัว e ที่หายไปแสดงถึงการศึกษาที่เด็กบางส่วนไม่ได้รับ และยังมีกระเป๋าใบเล็กที่มีลายเส้นเหมือนคน โดยทีมได้เสนอแนวคิดที่ว่าจริงๆแล้วสังคมประกอบไปด้วยคนหลายรูปแบบก็เลยใช้ลายเส้นที่มีหลายสีเป็นตัวแทน และมับางตัวที่เป็นเส้นปะ เป็นเหมือยช่องว่างที่แทนเด็กๆ ที่หล่นหายไป"
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้จะวางขายบนช่องทางออนไลน์ของโครงการร้อยพลังการศึกษา www.tcfe.or.th โดยสินค้าทั้งหมดจะสั่งเป็นพรีออเดร์ เราจัดจำหน่ายเป็นระยะเวลา 1 เดิอน สามารถสั่งได้ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน 2566 จะมีการจัดส่งสินค้าในเดือนถัดไป
คุณกนกวรรณกล่าวต่อว่า "รายได้ทั้งหมดหลังจากหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนโครงการร้อยพลังการศึกษา อย่างที่บอกจะมีการนำไปเป็นทุนการศึกษาให้น้องๆ การนำเครื่องมือเข้าไปสนับสนุนให้โรงเรียนได้ใช้งาน โดยปัจจุบันมีโรงเรียนในเครื่อข่ายกว่า 112 โรงเรียนโดยเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยส่วนใหญ่จะอยู่นอกพื้นที่กรุงเทพ และอยู่ในพื้นที่ห่างไกล"
"เราจะเข้าไปประเมินปัญหาของโรงเรียนเช่น ขาดแคลนบุคลากร หรือมีบุคลากรแต่ขาดเเคลนเครื่องมือ บางโรงเรียนอาจจะขาดเป็นหลักสูตรที่เหมาะสมที่ทำให้น้องๆ ได้รับการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ เรามองว่าเราได้ช่วยให้น้องๆ ได้อยู่ในระบบการศึกษาได้มากขึ้น"
"เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจทางบ้านของน้องๆ ได้มากขึ้น ทุนการศึกษา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงเรียน อุปกรณ์การศึกษา มีความสามารถในการอยู่ในระบบการศึกษาได้อย่างไม่ลำบาก และมีการวัดผลการเรียนกับทางโรงเรียนตลอด"
"ทั้งนี้การจำหน่ายสินค้าของทางแคมเปญ หากมีผลตอบรับที่ดี ทางโครงการอาจขยายระยะเวลาในการพรีออร์เดอร์อีก และหากในปีถัดไปได้รับความร่วมมือจาก Talent Thai & Designers' Room อีกครั้งในการช่วยกันสื่อสารปัญหาระบบการศึกษาในไทยี่ถือว่าเป็นปัญหาขนาดใหญ่อยู่" คุณกนกวรรณกล่าวปิดท้าย
ทางด้านกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ประกาศศักยภาพพลังสร้างสรรค์ของนักออกแบบรุ่นใหม่ จัดแสดงผลงานต้นแบบการพัฒนาสินค้าของนักออกแบบรุ่นใหม่ร่วมกับพันธมิตรของโครงการส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก 2566 หรือ Designers' Room & Talent Thai / Creative Studio Promotion 2023
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “โครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลกเป็นโครงการที่กรมให้ความสำคัญ ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์จากทั่วประเทศ สามารถนำการออกแบบมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ พัฒนาแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ
ยกระดับสินค้าไทยให้ตอบสนองความต้องการของตลาดโล โดยกรมจะเดินหน้าผลักดันและส่งเสริมนักออกแบบไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในภูมิภาคเอเชีย”
นางสาวประอรนุช ประนุช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 20 ปี กรมได้ดำเนินโครงการเพื่อส่งเสริมนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการส่งออกไปแล้วกว่า 744 ราย เพื่อผลักดันให้สามารถพัฒนาธุรกิจและปรับตัว ให้ตอบสนองกับความต้องการของตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวสู่การเป็น “แบรนด์นักออกแบบ” หรือ “เป็นผู้ประกอบการส่งออกรายใหม่” ที่สร้างมูลค่าทางการค้าและมีบทบาทในระบบเศรษฐกิจ
ในปีนี้มีนักออกแบบที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศ จำนวน 60 แบรนด์ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ตามประเภทสินค้า/บริการ ได้แก่
- นักออกแบบกลุ่มสินค้าแฟชั่น Designers’ Room 34 ราย
- นักออกแบบกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ Talent Thai 22 ราย
- นักออกแบบกลุ่มธุรกิจบริการออกแบบ Creative Studio 4 ราย
ทั้งนี้ นักออกแบบที่เข้าร่วมโครงการได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจ ให้สอดรับกับเศรษฐกิจยุคใหม่ และแนวโน้มเมกะเทรนด์โลก โดยผ่านการอบรม 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรความรู้พื้นฐานการเป็นนักออกแบบระดับสากล และ หลักสูตรค่ายบ่มเพาะนักออกแบบไทยสู่สากล
หลักสูตรความรู้พื้นฐานการเป็นนักออกแบบระดับสากล
อาทิ การสร้างแบรนด์ การตลาดดิจิทัล ช่องทางการค้าออนไลน์ โดยผู้เชี่ยวชาญจาก AMAZON องค์ความรู้ด้านการพัฒนาธุรกิจมุ่งสู่ความยั่งยืน เช่น กระบวนการออกแบบหมุนเวียน (Circular Design) จาก CIRCO HUB THAILAND รวมทั้งจากกรณีศึกษาการจัดทำแผนธุรกิจ การตลาดดิจิทัล โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญและการถ่ายทอดประสบการณ์ดำเนินธุรกิจของแบรนด์ดัง เช่น FERRAGAMO (THAILAND), VINN PATARARIN ,AMO.ARTE รวมทั้งวิทยากรนักออกแบบรุ่นพี่ เช่น DOTS DESIGN STUDIO, PIN METAL ART เป็นต้น
หลักสูตรที่ 2 ค่ายบ่มเพาะนักออกแบบไทยสู่สากล
เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Co-Brand) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรของโครงการ ได้แก่ เครือบ้านและสวน /SC Grand รวมไปถึงแบรนด์รุ่นพี่ในโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่าง Qualy/ Mobella/ SARRAN และ Q Design and Play ที่ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือนักออกแบบรุ่นใหม่
รวมไปถึงเครือข่ายจากกลุ่มนักออกแบบรุ่นพี่ (Alumni Team) ทั้ง 10 แบรนด์ ที่มีประสบการณ์มาทำหน้าที่เป็น Mentor ให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่อีกด้วย
พร้อมกันนี้ ทางกรมฯ ยังสนับสนุนนักออกแบบรุ่นใหม่ให้สามารถก้าวเข้าสู่ตลาดการค้าโลกได้อย่างเต็มที่ผ่านงานแสดงสินค้าและเวทีการออกแบบชั้นนำ เช่น งานแสดงสินค้า Bangkok Gems and Jewelry Fair 2024 ระหว่างวันที่ 21 - 25 กุมภาพันธ์ 2567
งานแสดงสินค้า STYLE Bangkok 2024 ระหว่างวันที่ 20 - 24 มีนาคม 2567 การเข้าร่วมงาน Milan Design Week ระหว่างวันที่ 13 - 18 เมษายน 2567 การเข้าร่วม Showroom ณ นครเซี่ยงไฮ้ ช่วงเดือนเมษายน 2567 การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า MAISON & OBJET ณ กรุงปารีส 2024
และเจรจาการค้าผ่านแพลตฟอร์ม m.o.m. ช่วงเดือนกันยายน 2567 ซึ่งจะเป็นเวทีสร้างชื่อเสียงและเพิ่มช่องทางทางการค้าสู่ตลาดสากลได้ รวมถึงได้รับการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์สู่การเป็นนักออกแบบมืออาชีพ
ประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้รับการเผยแพร่ธุรกิจใน E-Catalogue และช่องทางต่างๆ ของโครงการ รวมทั้งโล่ที่ระลึกจากโครงการเพื่อให้นักออกแบบนำไปใช้ในประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ได้รับการยอมรับต่อไป
“การจัดแสดงผลงานของนักออกแบบในครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีถึงความสำเร็จจากการเข้าฝึกอบรมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านต่างๆ ที่ผ่านมา ซึ่งทางกรมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะเป็นแรงผลักดันที่ช่วยขับเคลื่อนวงการนักออกแบบไทยให้เติบโตและมีชื่อเสียงในระดับโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นางประอรนุช กล่าวปิดท้าย
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามและสอบถามข้อมูลของโครงการเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th สายด่วนการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169 หรือผ่านทาง Facebook page : Talent Thai & Designers’ Room