แบงก์รัฐจับมือออกมาตรการสินเชื่อช่วยเหลือน้ำท่วมใต้

แบงก์รัฐจับมือออกมาตรการสินเชื่อช่วยเหลือน้ำท่วมใต้
แบงก์รัฐ ธนาคารออมสิน ธอส.​ ไอแบงก์ จับมือออกมาตรการสินเชื่อช่วยเหลือน้ำท่วมใต้

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ครอบคลุมพื้นที่ความเสียหายกว่า 90,000 ไร่ นั้น ธนาคารออมสิน ได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า โดยการสนับสนุนภารกิจของศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา มอบสิ่งของช่วยเหลือเบื้องต้น มูลค่ารวม 2,000,000 บาท ได้แก่ ถุงยังชีพ 2,000 ชุด และเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น อาทิ เครื่องนอน เครื่องนุ่งห่ม พัดลม ข้าวสาร และน้ำดื่ม รวมถึงจัดหาอาหาร 3 มื้อแก่ผู้ประสบภัย

พร้อมกันนี้ คณะผู้บริหาร และพนักงานจากธนาคารออมสินภาค 18 ได้ลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์เพื่อพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือในระยะต่อไปด้วย โดยธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมออกมาตรการระยะยาว เพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนและสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนหลังจากน้ำลดและวิกฤติผ่านพ้น ผ่านการให้สินเชื่อเงื่อนไขพิเศษเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุภัยพิบัติ และมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ ทั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่สามารถติดต่อธนาคารเพื่อปรึกษาด้านแหล่งเงินสำหรับใช้บรรเทาความเดือดร้อน ได้ที่ธนาคารออมสินสาขาใกล้เคียง หรือติดต่อ GSB Contact Center โทร. 1115

ด้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำ “มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567” ทั้งสิ้น 7 มาตรการ ประกอบด้วย

มาตรการที่ 1 สำหรับลูกค้าปัจจุบันของ ธอส. ที่อยู่ระหว่างการใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (MRR -0.50%, MRR -1.00% หรือ MRR เป็นต้น) กรณีหลักประกัน (ที่อยู่อาศัยที่จดจำนองกับธนาคาร) ของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหายจากการประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติสามารถขอลดเงินงวด 50% จากเงินงวดที่ชำระปกติ และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 2.00% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน 

มาตรการที่ 2 สำหรับลูกค้ากู้ใหม่ หรือลูกค้าปัจจุบันของ ธอส. ที่หลักประกันของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหายจากการประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถขอกู้เพิ่ม หรือกู้ใหม่ เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิม หรือกู้ซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย วงเงินให้กู้ต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อ 1 หลักประกัน คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 2.00% ต่อปี นาน 1 ปี ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย MRR -3.30% ต่อปี (ปัจจุบันเท่ากับ 3.60% ต่อปี) ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย MRR -2.40% ต่อปี (ปัจจุบันเท่ากับ 4.50% ต่อปี) และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้ กรณีลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR -1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR -0.50% ต่อปี

มาตรการที่ 3 สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้

มาตรการที่ 4 สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) จากนั้นเดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท และเมื่อผ่อนชำระครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้

มาตรการที่ 5 สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระโดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี) 

มาตรการที่ 6 สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี)

มาตรการที่ 7 พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติกับบริษัทประกันภัยที่ธนาคารจัดให้ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งความเสียหายโดยใช้ภาพถ่าย จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงอีกไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี (รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์) 

ทั้งนี้ ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการตามมาตรการที่ 1-6 สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 และมาตรการที่ 7 ติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

ขณะที่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์)ได้ออกมาตรการผ่อนปรนแก่ลูกค้าสินเชื่อของธนาคารที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังต่อไปนี้

มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ

1. พักชำระหนี้เงินต้นและยกเว้นค่าชดเชยผิดนัด ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถขอพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะกำไร ได้นานสูงสุด 6 เดือน โดยธนาคารยกเว้นค่าชดเชยผิดนัด (Late Charge)

2. สินเชื่ออุปโภคบริโภคและสินเชื่อธุรกิจอัตรากำไรพิเศษ ลูกค้าบุคคลที่มีสินเชื่ออุปโภคบริโภคทั้งแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน และลูกค้าธุรกิจที่มีสินเชื่อประเภทมีกำหนดระยะเวลา (Term Financing) ที่ได้รับผลกระทบทางตรง เช่น ที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบการได้รับความเสียหาย หรือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่น ธุรกิจหรือคู่ค้าได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและส่งผลต่อธุรกิจหรือการดำรงชีพของลูกค้า สามารถขอพักชำระหนี้เงินต้นได้ไม่เกิน 6 เดือน โดยให้ชำระเฉพาะกำไรตามอัตราที่กำหนดในสัญญาปัจจุบัน และสามารถขอขยายระยะเวลาสัญญาออกไปไม่เกินระยะเวลาที่พักชำระ โดยธนาคารยกเว้นค่าชดเชยผิดนัด (Late Charge) ที่เกิดขึ้นทั้งจำนวนจนถึงวันที่อนุมัติเข้าร่วมมาตรการ

3. ลูกค้าใหม่ประเภทบุคคลธรรมดาและลูกค้าผู้ประกอบการ สำหรับลูกค้าใหม่ประเภทบุคคลธรรมดาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ธนาคารให้สินเชื่ออุปโภคบริโภคอัตรากำไรพิเศษ ได้แก่ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่ออเนกประสงค์แบบมีหลักประกัน และสินเชื่ออเนกประสงค์แบบไม่มีหลักประกัน (สำหรับลูกค้า MOU) และสำหรับสำหรับลูกค้าผู้ประกอบการ ธนาคารให้อัตรากำไรพิเศษสำหรับสินเชื่อธุรกิจ ได้แก่ สินเชื่อที่มีกำหนดระยะเวลา วงเงินทุนหมุนเวียน เป็นต้น

ลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว สามารถติดต่อสอบถามและยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อของไอแบงก์ทุกสาขา ตั้งแต่บัดนี้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ibank Contact Center โทร. 1302 หรือแชททาง Messenger @ibank.th และ LINE @ibank ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” 

TAGS: #แบงก์รัฐ #ธนาคารออมสิน #ธอส. #​ #ไอแบงก์ #สินเชื่อ #น้ำท่วมใต้