“เศรษฐา” ย้ำ ทักษิณ เข้าเกณฑ์ “พักโทษ” หมดทุกอย่าง เป็นทางการตามกฎหมาย ระบุ ไม่รู้ออกเมื่อไหร่ พร้อมขอคำปรึกษา เชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” เอาคำแนะนำมาเป็นประโยชน์ บริหารประเทศได้
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เผย กรณีที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ระบุว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีชื่อได้รับการพักโทษ ว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าว นายทักษิณมีชื่อเข้าข่ายได้รับการพักโทษ ก็ถือว่าเป็นทางการแล้ว ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีได้รับการพักโทษ เป็นไปตามกฏหมายและระเบียบของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังมีกลุ่มเคลื่อนไหวที่คัดค้านการพักโทษดังกล่าว นายกฯ กล่าวว่า เราว่าไปตามกฏหมาย นายทักษิณเองก็เป็นอดีตนายกฯ มาหลายปีและเป็นคนที่มีประโยชน์กับประเทศชาติ และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมาอย่างยาวนาน เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมชมชอบอย่างสูงที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย และความจริงเมื่อท่านออกมาแล้ว ก็เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง เรื่องในอดีตก็ถือเป็นเรื่องในอดีตไป และได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายไปเรียบร้อยแล้ว
“ท่านเองก็มีลูกมีหลาน ลูกสาวคนเล็กก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้วผมเชื่อว่าท่านจะมีคำแนะนำดีๆ ที่จะให้เป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ เดี๋ยวผมเชื่อว่าลูกก็จะ นำมาใช้เป็นประโยชน์ในการบริหารประเทศได้ และปัจจุบันท่านก็มีหลาน7คน ในฐานะที่ผมเป็นพ่อคนผมก็เข้าใจ ความรักคุณปู่หรือคุณตามีให้กับลูกหลาน ก็ถือเป็นสิทธิ์ของท่าน ยืนยันว่าตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ทุกอย่าง“ นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีกลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อเนื่อง จะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราทำตามกฏหมายทุกอย่าง ทั้งในส่วนกฎหมายของกรมราชทัณฑ์เอง อย่าลืมว่านายทักษิณก็กลับมารับโทษอย่างชัดเจน ทุกอย่างเข้าเกณฑ์หมดทุกอย่าง ก็ว่าไปตามกฏหมาย เราอยู่ด้วยกฎของการอยู่ร่วมกัน คือการมีกฎหมาย
เมื่อถามว่า ได้รับรายงานหรือไม่ว่านายทักษิณจะได้รับการปล่อยตัววันใด นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบเลยครับ ว่าจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อไหร่ ตนเองก็ได้อ่านแค่พาดหัวข่าว ยังไม่ได้ดูว่าเป็นเมื่อไหร่อย่างไร
เมื่อถามว่า ในอนาคตถ้ามีโอกาสขอคำปรึกษาจากนายทักษิณหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ผมพร้อมที่จะพูดคุยกับคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติทุกคน ทั้งพรรคตรงข้าม ฝ่ายตรงข้าม อดีตนายกฯ ทหาร ตำรวจ ในอดีตก็พูดคุยตลอดเวลา เพราะผมเข้ามาในรัฐบาลที่มีพรรคร่วมรัฐบาลเยอะ ปัญหาบ้านเมืองก็เยอะ ความชำนาญในการบริหารจัดการประเทศของแต่ละคน ก็มีไม่เท่ากัน บางเรื่องเรามีความรู้มาก บางเรื่องเรามีความรู้น้อย ก็พร้อมที่จะพูดคุยกับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถ หรือผู้ที่เคยบริหารจัดการประเทศมา ก็ต้องดูเรื่องกฎหมายและอะไรหลายๆ เรื่องควบคู่ไปด้วย