เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. สอบ"วิษณุ" สมัยเป็นรองนายกฯ และ เจ้าหน้าที่ สรรพากร ประเมินภาษี "ทักษิณ" ไม่ชอบ หรือไม่
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เผย จากการเป็น กมธ.งบประมาณปี 2567 ได้พบข้อเท็จจริงในคำพิพากษาเกี่ยวกับการประเมินภาษีนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งตามคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ ได้พิพากษาว่า การประเมินภาษีนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ชอบ
นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองงาม) และเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร ที่อ้างบทบัญญัติตามมาตราต่าง ๆ ในประมวลรัษฎากร ไปประเมินภาษีนายทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งสิ้น 17,629,585,191 บาท
นายเรืองไกร กล่าวว่า ในการประเมินดังกล่าว ได้ทราบข้อมูลในการพิจารณาของคณะ กมธ.งบประมาณปี 2567 จากอธิบดีกรมสรรพากรว่า มีการอายัดทรัพย์สินนายทักษิณ ชินวัตร ไว้ประมาณ 45 ล้านบาท ตนจึงขอให้กรมสรรพากรส่งสำเนาคำพิพากษามาตรวจสอบ
นายเรืองไกร กล่าวว่า จากการตรวจสอบคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ ซึ่งทั้งสองศาลเห็นว่า การประเมินภาษีนายทักษิณ ชินวัตร ตามมาตรา 19 และมาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร ไม่ชอบ และให้เพิกถอนการประเมินดังกล่าว
นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีการประเมินดังกล่าว ก่อนมีคำพิพากษา ตนเคยขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเพื่อกล่าวหาว่าการประเมินไม่ชอบ มาก่อนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2560 และต่อมาวันที่ 14 ธันวาคม 2560 ป.ป.ช. จึงตอบหนังสือมาว่า หากมีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่จะสนับสนุนว่าข้อกล่าวหาร้องเรียนมีมูล โปรดแจ้งข้อมูลหรือข้อเท็จจริงพร้อมส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปให้ ป.ป.ช. ด้วย
นายเรืองไกร กล่าวว่า มาถึงวันนี้ เมื่อได้อ่านคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ ที่กรมสรรพากรส่งให้แล้ว กรณี จึงมีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่จะสนับสนุนว่าข้อกล่าวหาร้องเรียนมีมูล ซึ่งโดยผลของคำพิพากษา จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยการตรวจสอบ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ ว่าเข้าข่ายอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีประเมินภาษีนายทักษิณ ชินวัตร โดยไม่ชอบ หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวสรุปว่า เช้าวันนี้ ตนได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. รีบดำเนินการตรวจสอบต่อไปแล้ว