‘เศรษฐา’ ฟินชิมทุเรียน 3 สายพันธุ์ถึงสวน บอก ‘อร่อยมาก ชอบแข็งๆ’ พร้อมมอบทุเรียนพันธุ์นวลทองจันทร์สีทอง พร้อมรับฟังปัญหา-ข้อเสนอแนะเกษตรกร สั่ง ‘คมนาคม’ ซ่อมแซมดูแลเส้นทาง สะดวกนักท่องเที่ยว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางด้วยรถยนต์อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร ถึงสวนนวลทองจันทร์ ตำบลมาบไพ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจติดตามการผลิตทุเรียนคุณภาพปลอดภัยมูลค่าสูง และรับฟังปัญหาจากเกษตรกร โดยมีส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นายไชยยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นพ.พรหมินทร เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เข้าร่วมรับฟังปัญหาจากเกษตรกรชาวสวนทุเรียน
โดยนายสุเทพ นภพันธ์ เจ้าของสวนทุเรียนนวลทองจันทร์ กล่าวสะท้อนปัญหา ว่าปีนี้ร้อนและแรง มาก ซึ่งน้ำเป็นปัจจัยหลักในการทำการ เกษตรนั้นขาดแคลน รวมไปถึงปัญหาการใช้แรงงานต่างด้าว ที่ค้องใช้จำนวนมากในภาคการเกษตรทั้งการดูแล และภาคการขนส่งที่ยังคงพบปัญหาอยู่ และปัญหาศรัตรูพืชระบาด
ด้านนายกฯ กล่าวว่า การเดินทางมาจังหวัดจันทยต้นฤดูที่จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ รัฐบาลให้ความสำคัญผลไม้เพื่อการส่งออก เป็นนิมิตรหมายอันดีที่จะรับฟังแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร ซึ่งจากการรายงานปีนี้น่าจะส่งออกทุเรียนมากกว่าปีที่ผ่านมามาก ซึ่งทุเรียนถือเป็นผลไม้หลักส่งออกไปยังประเทศจีน โดยปริมาณเฉลี่ยการบริโภคคนจีนเฉลี่ย 0.7 กิโลกรัมต่อคน คนไทย 5 กิโลกรัมต่อคน และคนมาเลเซีย 11 กิโลกรัมต่อคน จึงต้องส่งเสริมปลูกทุเรียนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยคู่แข่งสำคัญของไทยคือเวียดนาม ซึ่งต้องพัฒนา ทั้งระบบเพื่อแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ จึงให้ความสำคัญกับพืชเศรษฐกิจตรงนี้ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องมีมาตรการที่จะพัฒนาสายพันธุ์ต่อไป รวมถึงการแปรรูป การใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงในการดูแลรักษาทุเรียนให้ได้คุณภาพ
นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตรวจเข้มงวดเรื่องทุเรียนอ่อน ขอให้ทางกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้รักษาคุณภาพทุเรียนส่งออก ไม่อยากให้ปลายทางได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ และต้องพยายามสร้างชื่อเสียง ส่วนปัญหาน้ำเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งจากกการที่ตนไปจ.ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช และจ.สุราษฎร์ธานี ก็เจอปัญหาเช่นเดียวกัน จึงขอสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ บริหารจัดการแหล่งน้ำให้เพียงพอ ในการรองรับเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน
นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ไม่พอ ต้องหาที่เก็บให้เพียงพอ เพื่อให้ได้ผลไม้ส่งออกต่างประเทศที่มีคุณภาพ การที่เราต้องทำone stop service บริเวณตามแนวชายแดน ทำให้ผลไม้ไปค้างอยู่ 1-2 วันถือว่าเป็นปัญหา จึงสั่งการไปที่กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้บูรณาการในการทำศูนย์ one stop service ให้ได้ ขณะที่เรื่องการท่องเที่ยว ตนได้สั่งกา ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) โปรโมทให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังจังหวัดจันทบุรี โดยเฉพาะทุเรียนภายในประเทศ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญพยายามให้มีการสนับสนุนให้มีการโปรโมท ให้มีการท่องเที่ยว ใรเดือนเม.ย.-เดือนก.ค.เป็นเดือนที่มีผลผลิตเยอะ แต่ปัญหาที่ตามมาคือปัญหาด้านการจราจร
ซึ่งตนได้สั่งการให้กรมทางหลวงซ่อมแซมถนนสุขุวิท เพื่อประชาชนจะได้ เดินสายทางได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมกับสั่งการให้กระทรวงแรงงานจัดหาจัดหาแรงงานเกษตรกรให้เพียงพอต่อภาคเกษตรกรรมด้วย
จากนั้นนายกฯได้ชมสาธิตการตัดทุเรียนจากต้นโดยเจ้าของสวนทุเรียนได้มอบทุเรียนสายพันธุ์ นวลทองจันทร์ สีทอง ซึ่งเป็นต้นแรกของโลกให้นายกฯ 1 ลูก ต่อมานายกฯได้ชิมทุเรียนสายพันธุ์นวลทองจันทร์ พวงมณี และก้านยาว อย่างอารมณ์ดี พร้อมบอกว่า “อร่อยมาก ชอบแข็งๆ ไม่รู้ว่าเรียกว่าหามหรือเปล่า“
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีประชาชนมารอให้กำลังพร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงให้นายกฯด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีก ได้มี 2 สส.จ.จันทบุรี พรรคก้าวไกล คือ น.ส.ปรัชญาวรรณ ไชยสืบ สส.เขต 2 และน.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.เขต 3 มารอต้อนรับนายกฯด้วย
ต่อมานายกฯ เดินทางถึงบริษัท ดรากอน เฟรช ฟรุท จำกัด ตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจติดตามการคัดบรรจุทุเรียนคุณภาพและการแปรรูปทุเรียน และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปคุณภาพ โดยทันทีที่เดินทางถึงนายกฯ
โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงได้มีประชาชนกลุ่มหนึ่งเดินทางรอต้อนรับ พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจนายกฯ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินเชี่ยมชมและได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับตัวแทนภาคเอกชน ถึงวิธีการรับทุเรียนในพื้นที่และนำส่งออก รวมถึงสั่งการป้องกันการลักลอบนำเข้าทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงรับชมการสาธิตตรวจปริมาณแป้งในทุเรียนต้องมีปริมาณ 32 %
ต่อมานายกฯ ได้ทดลองปลอกทุเรียน และชิมทุเรียนสายพันธุ์หนามดำ ซึ่งเป็นสายพันธุ์จากประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีเนื้อนิ่มรสชาติมัน เป็นที่นิยมของชาวจีน โดยนายกฯ กล่าวว่า “อร่อย”
จากนั้นเวลา12.15 น. นายกฯ เดินทางถึงบริษัท เกาฟง จำกัด ตำบลเขาวัว อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจติดตามการคัดบรรจุทุเรียนคุณภาพและการแปรรูปทุเรียน เพื่อเตรียมส่งออก พร้อมเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปคุณภาพ ทั้งนี้ ระหว่างเดินเยี่ยมชม นายกฯได้สอบถามเรื่องปัญหาในการขนส่ง ซึ่งพบว่ามีปัญหาเรื่องคอนเทนเนอร์ ที่หมุนเวียนไม่ทัน เพราะมีผลผลิตเกินกว่ากำลังการขนส่ง
ก่อนที่นายกฯจะเยี่ยมชมไลน์ผลิตก่อนบรรจุทุเรียนเพื่อส่งออก พร้อมกันนี้ นายกฯได้หยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาถ่ายรูปด้วย ก่อนเยี่ยมชมห้องเย็นไนโตรเจน ซึ่งไว้สำหรับแช่แข็งทุเรียนปอกแล้ว ซึ่งเป็นทุเรียนที่มีตำหนิจากทั่วประเทศนำมาแปรรูป
จากนั้นเวลา 13.00 น.นายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่จ.จันทบุรี ว่า ที่มาจ.จันทบุรีวันนี้ เพราะ เป็นช่วงต้นฤดูของผลผลิตทุเรียน ที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และเรามีการพัฒนาการเก็บทุเรียนไปเยอะมาก มีระบบล้ง การจัดเก็บทุเรียนที่เป็นมืออาชีพ แต่ปัญหาก็ยังอยู่บ้าง อย่างเรื่องการเก็บทุเรียนอ่อน ซึ่งวันนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ก็มีนวัตกรรมใหม่ ที่สามารถวัดได้ว่าทุเรียนอ่อนหรือทุเรียนแก่เป็นอย่างไร โดยมีการจดลิขสิทธิ์ กับกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวัง ถ้าทำไม่ดีจะเสียชื่อเสียงประเทศ เพราะเราเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ให้ประเทศจีนที่มีประเทศเวียดนามเป็นคู่แข่ง ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการลักลอบนำทุเรียนเข้าไทย ทั้งนี้ ในวันเดียวกันนี้อธิบดีกรมศุลกากรก็มาลงพื้นที่ด้วย ตนได้มีการสั่งการไปแล้วว่าอย่าให้มีการลักลอบเกิดขึ้น
นายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะที่เรื่องแหล่งน้ำทุเรียนจะดีได้ต้องมีแหล่งน้ำจึงได้สั่งการให้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) กรมชลประธานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันทำงานจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการขนส่งที่ตู้คอนเทนเนอร์มีไม่เพียงพอ ต้องมีการเวียนตู้คอนเทนเนอร์เข้ามา เพราะทุเรียนเรามีเยอะ รวมถึงเรื่องการจัดเก็บทุเรียนในห้องแช่แข็งที่ได้ไปดูมา ซึ่งคนที่แกะทุเรียนแล้วแช่แข็งได้รายได้วันละ 1,500 บาท หรือกิโลละ 5 บาท ซึ่งก็ถือเป็นแหล่งงานที่สำคัญ โดยผู้ประกอบการก็ให้ความเป็นธรรม ส่วนการพัฒนาพันธุ์ทุเรียนแหล่งน้ำถือเป็นเรื่องสำคัญ
ซึ่งวันเดียวกันนี้รัฐมนตรีและอธิบดีก็ลงพื้นที่มาด้วยก็ทราบถึงปัญหาดังกล่าวซึ่งรวมไปถึงพื้นที่ภาคใต้ด้วยที่มีปัญหาเช่นเดียวกัน โดยจะเริ่มแก้ปัญหาจากจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถือเป็นจุดที่ใหญ่ เพราะเป็นเมืองหลวงผลไม้ฤดูร้อนของไทย นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์ดูราคาไม่ให้ตกต่ำ พัฒนาทำตรงนี้เพื่อจะพัฒนาต่อไปที่ภาคใต้ ซึ่งมีผลไม้อย่าง เช่น เงาะที่มีชื่อเสียง ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องราคาผลไม้ถือ KPI ของกระทรวงพาณิชย์ เพราะในอนาคตเงาะอาจจะมีปัญหาในเรื่องของราคาจึงกำชับกระทรวงพาณิชย์ห้ามให้ราคาตกต่ำ
เมื่อถามถึงกรณีที่จะเดินทางไปจังหวัดระยอง ชาวที่ที่ทำการเกษตร ได้รับผลกระทบไฟไหม้จากโรงงานเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม อยากให้นายกฯไปดูด้วย นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรมาลงพื้นที่ด้วย มาดูปัญหาเรื่องสภาพดินและสภาพน้ำก็จะให้ความรู้กับเกษตรกรด้วย ส่วนเรื่องการเยียวยาเกษตรกรนั้น เป็นเรื่องปลายน้ำ ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนในเรื่องการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรให้มากขึ้น ซึ่งอาจจะได้ราคามากกว่า