"นพรุจ" ร้อง กกต. ยุบ เพื่อไทย เอาผิดอาญา " แพทองธาร" อ้างยึดมาตรฐานเดียวกับฟันนายกเบี้ยว เหตุทำเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมฯไม่สุจริตเที่ยงธรรม
นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว2006 ยื่นคำร้องต่อ กกต.เรียกร้องให้เอาผิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นมาตรา 65(3)(4) และมาตรา 66 ประกอบมาตรา 132 วรรคสาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 และมาตรา 21 มาตรา 92(4) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2561 ซึ่งเป็นเหตุให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเพื่อไทยได้
นายนพรุจ กล่าวว่า กรณีที่ กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญา 2 ข้อหา กับนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ "นายกเบี้ยว" นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี ฐานทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่างๆและเลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด ตามมาตรา65 (3) และ (4) พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 เหตุเกิดจากการจัดฉลองอุปสมบทบุตรชายของนายกฤษฎาเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.67 ซึ่ง กกต.เห็นว่าเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้รับเลือกตั้งมาไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีใหม่นั้น ตนมองว่าบุคคลที่ปรากฏในงานวันดังกล่าวเข้าข่ายมีความผิดเช่นเดียวกับนายกฤษฎาทุกคน
"จากการจัดงานดังกล่าวทำให้นายชาญโดนใบเหลือง นายกเบี้ยวถูกดำเนินคดีอาญา จึงมาขอให้ กกต.พิจารณาว่า น.ส.แพทองธาร ซึ่งอยู่ร่วมงานโดยตลอดและบุคคลต่างๆ ที่ไปร่วมในงานไม่ว่าจะไปรัฐมนตรีหรือ ส.ส.จะเข้าข่ายมีความผิด เช่นเดียวกับนายกเบี้ยวหรือไม่ เพราะมันเป็นการผิดจริยธรรมร้ายแรงจัดเลี้ยงจัดมหรสพ ถ้าปล่อยผ่านจะกลายเป็นบรรทัดฐานว่าการกระทำดังกล่าวไม่ผิดกฎหมาย" นายนพรุจ กล่าว
นอกจากนี้ยังเห็นว่า ที่การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีที่นายชาญ ได้รับเลือกตั้ง และ กกต.มีมติไม่ประกาศรับรองผลเพราะการเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมนั้น เป็นเหตุให้กกต.พิจารณาเสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเพื่อไทยได้ เนื่องจากการลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีของนายชาญเป็นไปตามมติของพรรคเพื่อไทยตามมาตรา 21 พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 2561 วันสมัครนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค ก็เป็นผู้พาไปสมัคร การหาเสียงและการจัดเลี้ยงดังกล่าว ทั้ง น.ส.แพทองธาร และ ส.ส.ของพรรคก็ไปร่วม ซึ่งตามมาตรา 132 วรรคสาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 กำหนดว่าหากปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรค มีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลย มิได้ยับยั้งแก้ไขการกระทำนั้นเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมกกต.สามารถเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคการเมืองนั้นได้
"เรื่องนี้จะช้าไม่ได้ เพราะ กกต.มีมติไปแล้ว สาเหตุแห่งการให้ใบเหลืองนายชาญ สาเหตุแห่งการดำเนินคดีอาญา ซึ่งบุคคลที่ปรากฏในงานเลี้ยงฉลองอุปสมบทลูกชายนายกเบี้ยวที่เข้าข่ายกระทำผิดร่วมมีอีกหลายคน ซึ่งผมก็จะมาร้องเพิ่มเติมอีก ที่มาวันนี้ไม่ได้มากล่าวหาแต่มาขอให้กกต.ดำเนินคดีให้สุด แต่ตอนนี้เห็นสั่งให้กกต. ปทุมธานีดำเนินคดีเฉพาะนายกเบี้ยวคนเดียว ผมว่ายังไม่สุด ต้องดำเนินคดีเอาให้สุด ต้องพิจารณาถึง น.ส.แพทองธาร ที่มีส่วนได้เสียในฐานะหัวหน้าพรรคด้วย เพราะปรากฏอยู่ในงานเลี้ยงตลอด นายกเบี้ยวเป็นคนจัดงาน มีการสัมภาษณ์ มีการขึ้นป้ายนายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ ลูกชาย ซึ่งเป็น ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยด้วย กกต.ก็ควรต้องดำเนินคดีสุดกับทุกคนที่อยู่ในงาน" นายนพรุจ กล่าว