คนขับรถ “บอสพอล” ตัวละครลับ แอบส่งมอบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องให้ตำรวจ เร่งพิสูจน์ไฟล์คลิปเสียงเทวดา ด้าน “บิ๊กเต่า” เตรียมเรียก ปปป. ถกหารือแนวทางคดี ด้านยอดผู้เสียหาย 4,743 ราย มูลค่ากว่า1,400ล้าน
ความคืบหน้ากรณีตรวจสอบคลิปเสียงลับนักร้องเรียน นักการเมืองชื่อดัง เรียกรับเงินจาก นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล ดิไอคอนกรุ๊ป” ตามที่ นายวรัตน์พล เคยกล่าวอ้างว่ามีการบันทึกเป็นคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐานจำนวนหลายคลิปนั้น ล่าสุด วันนี้ (20 ต.ค.) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผย เบื้องต้นได้สั่งการให้พล.ต.ต. ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ประสานข้อมูลร่วมกับทางตำรวจกองบังคับการปาบปรามอาชญากรรมทางเทโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อตรวจสอบไฟล์ต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือของ “บอสพอล” ที่ยึดไว้ ทราบว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ
เมื่อถามว่า จะมีการเชิญตัวนักการเมืองดัง หรือบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงมาเข้าให้ปากคำเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีนี้หรือไม่ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ บอกว่า ในส่วนนี้คงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทราบพยานหลักฐานต่างๆ ให้แน่ชัดก่อน ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งตนเอง และทีมตำรวจ บก.ปปป. จะประชุมย่อยนอกรอบ เพื่อหารือแนวทางการทำงานในวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.)
ส่วนกรณีการติดตามตัว “นายเอก” คนขับรถส่วนตัวของ “บอสพอล” เพื่อตามหาโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของ “บอสพอล” อีกเครื่องมาตรวจสอบนั้น ล่าสุดมีรายงานแจ้งเข้ามาว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (19 ต.ค.) นายเอก ได้เข้ามาส่งมอบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องของ “บอสพอล” ให้กับทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวแล้ว โดยนายเอก ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนานำโทรศัพท์ของ “บอสพอล” ไปซุกซ่อน เพียงแต่ตั้งใจจะนำไปให้เลขาฯ ส่วนตัวของ “บอสพอล” ดูแลเก็บรักษาไว้ แต่เมื่อทราบว่าตำรวจต้องการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน จึงรีบนำมาส่งมอบให้กับทางตำรวจทันที
สำหรับโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ข้อมูลภายในเครื่องน่าจะมีไฟล์คลิปเสียง ที่ “บอสพอล” เคยแอบบันทึกเก็บไว้ขณะสนทนากับบรรดานักร้องเรียน และนักการเมืองดังต่างๆ ที่พยายามเข้ามาเจรจาเรียกรับเงินค่าดูแล ตามคำกล่าวอ้างของเจ้าตัวที่เคยให้ปากคำไว้อยู่จริง เพราะเจ้าตัวเคยให้การยอมรับว่า มีโทรศัพท์มือถือสองเครื่อง โดยเครื่องหลักถูกตรวจยึดไปก่อนหน้านี้จะใช้สำหรับติดต่อทั่วไป ส่วนอีกเครื่องที่นายเอก คนขับรถเก็บรักษาไว้ จะใช้บันทึกข้อมูลหรือกิจกรรมงานต่างๆ รวมถึงใช้เป็นเครื่องอัดเสียงเวลาที่ถูกกลุ่มคนเหล่านี้โทรมาข่มขู่เรียกเงิน
ซึ่งหากการตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องแล้วพบว่ามีไฟล์คลิปเสียงดังกล่าวอยู่ในเครื่องจริง ก็จะถือว่าเป็นกุญแจดอกสำคัญในการคลี่ปมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีคลิปเสียงลับฉาวต่างๆ ว่ามีบุคคลใดบ้างเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้รับการส่งมอบโทรศัพท์มือถือของบอสพอล จากนายเอก คนขับรถส่วนตัวแล้ว ก็จะรีบนำส่งต่อไปยังตำรวจ บก.ปอท. เพื่อตรวจวิเคราะห์ข้อมูลภายในเครื่องในทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีบุคคลใกล้ชิดคนใดของบอสพอล ที่ทราบรหัสเปิดเครื่อง จึงยังเปิดโทรศัพท์ตรวจสอบข้อมูลไม่ได้
ขณะที่ ผู้เสียหายในคดีดิไอคอนกรุ๊ป เดินทางเข้ามาแจ้งความ ที่กองบังคับการปราบปราม อย่างต่อเนื่อง ยอดรวมผู้เสียหายในขณะนี้มีประมาณ 4,743 คนแล้ว มูลค่าความเสียหาย กว่า 1,400 ล้านบาท
ขณะที่ตำรวจ ปคบ. ได้ทำการอายัดรถของกลางเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 คัน ประกอบด้วยรถของบอสพอล หรือนายวรัตน์พล 3 คัน และรถตู้เบนซ์ของกันต์ กันตถาวร อีกจำนวน 1 คัน ซึ่งเป็นรถที่กันต์ได้รับจากบอสพอลเป็นของขวัญวันเกิด ก่อนตกเป็นผู้ต้องหาไม่กี่เดือน
ส่วนความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ต้องหาร่วมขบวนการ “ฉ้อโกงประชาชน” ล็อตที่2 มีรายงานว่า ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้ เนื่องจากสำนวนคดีในส่วนของ 18 ผู้บริหารหลักยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องดำเนินการเร่งสรุปสำนวนเพื่อให้ครบทันกำหนดฝากขัง เสียก่อน
ประกอบกับยังมีผู้เสียหายในพื้นที่ต่างจังหวัด และต่างประเทศจำนวนมากอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมเข้าแจ้งความ หากผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีไม่ทันในวันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค.นี้ ทางพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องตัดสำนวน เนื่องจากจะได้เร่งสรุปความเห็น และดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ก่อน ส่วนผู้เสียหายที่มาในวันที่ 1 พ.ย. ก็จะถูกตั้งเลขคดีใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า