"ณัฐวุฒิ​" สแกนม็อบ​ เชื่อไม่มีชุมนุม​ใหญ่ทางการเมือง รับ​ "นิรโทษกรรม" ยังเห็นต่าง​

"ณัฐวุฒิ​" สแกนม็อบแล้ว​ เชื่อไม่มีชุมนุม​ใหญ่ทางการเมือง​ ชี้มีแต่ม็อบปากท้อง​ ยอมรับ​ "นิรโทษกรรม" ยังเห็นต่าง​ จับตาปิดสมัยประชุมพรรคการเมือง​คุยหาข้อสรุป​ มั่นใจ รัฐบาลไม่สร้างเงื่อนไขขัดแย้ง​เพิ่

นายณัฐวุฒิ​ ใสยเกื้อ​ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี​ เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล และสัมภาษณ์​สื่อมวลชนเป็นครั้งแรก​ โดยระบุว่า​ จริงๆแล้วไม่ได้มีประเด็นอะไรจะแถลง ที่จริงแล้วได้มีโอกาสเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล หลายครั้งก่อนหน้านี้ ขณะที่สื่อมวลชน ได้โทรหาตามตัว จึงได้มาเยี่ยมเยียน มอบตัวในวันนี้ โดยไม่ได้มีวาระหรือจะแถลงอะไรเป็นพิเศษ​ เป็นการมาพบเจอและทักทายกัน

เมื่อถามว่าได้พบเจอกับนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยัง​ นายณัฐวุฒิ​ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่ได้พบ

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยหรือมอบหมายให้มาดูประเด็นอะไรหรือไม่​ ได้เรียนไว้ตั้งแต่ตอนต้นที่มีคำสั่งแต่งตั้ง คงจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ทั้งเรื่องการติดตามประเมินสถานการณ์ ประสานงานทางการเมือง ตลอดจนการเคลื่อนไหวอื่นๆ​ โดยทำงานร่วมกับคณะทำงาน ส่วนต่างๆนอกเหนือจากนั้นก็สุดแท้แต่นายกรัฐมนตรี​ จะมอบหมายภารกิจอะไรเพิ่มเติม

เมื่อถามว่าได้ให้มาดูเรื่องของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ​ กล่าวว่า​ ตอนนี้กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง​ ยังไม่ได้ปรากฏความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง​ ส่วนผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องหรือประสบความเดือดร้อน จากปัญหาการทำกินหรือการดำรงชีพต่างๆ ก็มีนายสมคิด เชื้อคง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี​ ทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ ประสานงานความคืบหน้าอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า​ ในฐานะที่มีประสบการณ์ด้านการชุมนุม สถานการณ์ตอนนี้จะมีกลุ่มการเมืองเข้ามาเคลื่อนไหวหรือไม่​ นายณัฐวุฒิ​ กล่าวว่า​ ความเคลื่อนไหวจริงๆมีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา​ ทวีสิน​ อดีตนายกรัฐมนตรี​ ทั้งในรูปแบบการชุมนุมตรงสะพานชมัยมรุเชฐ​ หรือรูปแบบการรวมตัวและแสดงความคิดเห็นต่างๆ​ แต่ในขั้นของการชุมนุมมวลชนขนาดใหญ่​ หลัก หลายหมื่น​ หลักแสนคนเป็นเวลานานๆ​ อย่างที่เราเคยเห็นหลายครั้งในรอบ 20 ปีมานี้ เข้าใจว่ายังไม่น่าจะเกิดขึ้น​ 
 
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้มีหน่วยงานหรือปฏิบัติการอะไร​ ที่จะติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นกรณีพิเศษ​ ยังเพียงเคารพสิทธิเสรีภาพการแสดงออก และมุ่งเน้นการผลักดันผลงาน​ การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนมากกว่า​

เมื่อถามว่า​ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เข้ามาทำหน้าที่ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้ให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำหรือคำแนะนำอะไร ในการทำงานไปบ้าง​ นายณัฐวุฒิ​ กล่าวว่า​ สำหรับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ​ เราใช้การพูดคุยกันในวงของคณะทำงาน ตนคงไม่ต้องแสดงความเห็น อะไรถึงรัฐบาล​ หรือนายกฯผ่านสื่อตรงนี้​ หากเราเห็นว่าเรื่องนี้มีมุมมองอย่างไร หรือมีทัศนะประเมินสถานการณ์แบบไหน ก็นำเรียนไปตามช่องทาง

เมื่อถามว่าในเรื่องของนิรโทษกรรม จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวกระทบถึงรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐวุฒิ​ กล่าวว่า​ เรื่องนี้นิรโทษกรรมต้องแยกเป็น 2 ส่วน​ ในส่วนที่พรรคการเมืองเห็นตรงกันไม่มีข้อโต้แย้ง คือเห็นชอบว่าควรจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อเป็นเครื่องมือหนึ่ง ในการลดความขัดแย้งทางการเมือง ในช่วงที่ผ่านมา​ ส่วนที่ยังเห็นต่างต่อกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะออก​ จะครอบคลุมถึงความผิด หรือการดำเนินคดีข้อหาใดบ้าง​ เอาตรงๆ มาตรา 112 ยังเห็นต่างกันอยู่​ ในชั้นนี้​ ตนเห็นว่าสภากำลังจะปิดสมัยประชุม​ และจะมีการพิจารณากฎหมายนี้ หรือไม่อย่างไร​ ก็อยู่ที่สมัยประชุมหน้า​ ดังนั้น​ ช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการประชุมสภา​ฯ​ เชื่อว่าพรรคการเมืองต่างๆ ตลอดจนกลุ่มก้อนภาคประชาชนที่ได้เคลื่อนไหว​ คงจะได้มีการปรึกษาหารือกัน​ และการที่จะเดินหน้าเรื่องนี้ หลักการคือจะต้องไม่ไปขยายความขัดแย้งใดๆเพิ่ม​  ตนจึงคิดว่าการรักษาบรรยากาศ ไม่ให้ช่วงเวลานี้ ไปมีเงื่อนไขความขัดแย้งอะไร​ หากจะพูดคุยกัน​ เช่น​ ทางพรรคเพื่อไทย​ โดยนายภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ บอกว่าจะมีกรรมการยุทธศาสตร์และกรรมการบริหาร​ จะหารือและมีข้อสรุป ว่าจะมีร่างออกมา​ประกบหรือไม่​ รวมถึงส่วนอื่นๆก็เช่นเดียวกัน​ คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาคุยกันภายใน​ ถึงเวลาก็ต้องเอาไปคุยกันในสภา ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐสภา ที่จะไปพูดคุยกัน​ 

"ส่วนจุดยืนของผมต่อเรื่องนี้ ผมได้แสดงความเห็นไปหลายที่ ยังคงมีจุดยืนเดิม และนี่เป็นจุดยืนส่วนตัว ที่พูดมาตลอด​ ก่อนที่จะมาทำหน้าที่ และหวังใจเวลาที่ยังเหลืออยู่ ข้อขัดแย้งหรือข้อแตกต่างต่างๆ แต่ละฝ่าย​ ที่กำลัง​คิดไม่เหมือนกัน​ น่าจะยังมีเวลาปรึกษาหารือกันแลกเปลี่ยนกันได้" นายณัฐวุฒิ​ กล่าว

เมื่อถามว่ามีชนวนใดที่จะทำให้จุดม็อบได้ นายณัฐวุฒิ​ กล่าวว่า​ อันนี้เป็นเรื่องหลักที่ทุกรัฐบาลไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ ต้องยึดถือปฏิบัติอยู่แล้ว​ และจะสังเกตเห็นว่าตั้งแต่รัฐบาลนายกฯเศรษฐา​ จนกระทั่งนายกฯแพทองธาร​ ก็ไม่ได้มีท่าทีทำนองนี้ ขณะนี้เรื่องใหญ่ที่สุดของรัฐบาล​ คือพยายามผลักดันนโยบาย​ หรือเนื้องานในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องเล็กและไม่ใช่เรื่องไม่สำคัญ​ แต่การจัดบรรยากาศ การจัดเวที​ ในการดำเนินการเรื่องนี้​ มันมีความละเอียดอ่อน คิดว่าควรให้ฝ่ายการเมืองและฝ่ายสภาว่ากัน​ ใครมีความคิดเห็นแบบไหน ก็แสดงออกกันด้วยท่าทีและเวทีที่เหมาะสม น่าจะดีที่สุด

เมื่อถามว่า ตั้งแต่มาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับนายแพทย์​เหวง​ โตจิราการ​ อดีตแกนนำ​ นปช.​ ออกมาเตือนว่า​ สักวันสิ่งที่ นายณัฐวุฒิ​เคยทำหรือพูดไว้​ อาจจะกลับมาทำลายตัวเอง​ นายณัฐ​วุฒิ​ กล่าวว่า​ ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกันเป็นทางการ​ส่วนตัว​ แต่ตนก็มีเหตุผลในการตัดสินใจ​ มีวิถีทางในการเลือกเดิน และยังแน่ใจว่า ความเป็นตนเองตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน​ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง​ วิธีการคิดและเดิน​ อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้าง ไปตามสถานการณ์​ แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ จากเพื่อนมิตรและพี่น้อง ตนเลือกที่จะเงียบ และทำตามในสิ่งที่เชื่อ เดินตามทางที่เลือก ให้เวลามันอธิบายเรื่องทั้งหมดดีกว่า

เมื่อถามว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต รวมถึงงานแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ ที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ ดูเหมือนจะยากขึ้น ต้องมีอะไรออกมาหรือไม่​ เพื่อเรียกความเชื่อมั่น​และเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป​ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า​ ทุกนาทีรัฐบาลเร่งทำงานกันอยู่แล้ว​ แต่ยังมีเวลาอยู่เกือบ 3 ปี เรื่องอะไรก็ตามที่สื่อมวลชนบอกว่ายาก​ มันอาจจะคลี่คลายง่ายขึ้น​ และมีผลที่ปฏิบัติได้ การทำงานทางการเมืองในรัฐบาลผสม​ ไม่มีอะไรที่จะเดินไปได้ก้าวใหญ่ๆและเร็วทุกเรื่องอยู่แล้ว เรื่องที่เห็นด้วย และเรื่องที่เห็นต่าง​ ก็มีเป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่จะหาทางและมีข้อสรุปร่วมกัน เพื่อให้เดินไปต่อได้ เมื่อพรรคเพื่อไทย​ ตัดสินใจ​ ที่จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ความรับผิดชอบทั้งหลายต่อปัญหาของพี่น้องประชาชน ก็ต้องทำกันให้เต็มที่​ นโยบายและการแก้ไขปัญหาต่างๆจะปรากฏชัด​ ประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจ​ 

นายณัฐวุฒิ​ ยังกล่าวต่อด้วยว่า​ สถานที่ทำงานของตนจะใช้บ้านพิษณุโลกเป็นหลัก

TAGS: #ม็อบ #นิรโทษกรรม #112 #เต้นณัฐวุฒิ