โดย...สมาน สุดโต
ขณะนี้ มีข่าวทาง สื่อมวลชนว่า มีสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งสอน ให้คนสามารถมีตาทิพย์ได้
ตามคลิปที่นำเสนอทางงสื่อ เด็กที่ถูกผ้าปิดตาสามารถมองเห็นตัวอักษร ที่เขียนไว้ในแผ่นกระดาษอ่านได้ถูกต้อง และเด็กผู้หญิงใช้ผ้าปิดตาแล้วถีบจักรยานไปตามทางไม่ชนอะไรเลย
ทั้งหลายทั้งปวงที่แสดงมานี้ ทางสำนักสงฆ์เรียกว่าเป็นผู้มีทิพย์จักษุ
แต่ตามหลักทางพุทธศาสนา ผู้ที่มีทิพจักษุ หรือตาทิพย์ ต้องบำเพ็ญฌานแก่กล้า จนได้อภิญญา จึงจะมีตาทิพย์ มองเห็นไกลๆที่คนอื่นไม่เห็น
เรื่องที่เล่าต่อไปนี้นี้อ้างอิงจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ และตัดตอนคำบรรยาย ที่ยังไม่ได้ edit ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ป.อ.ปยุตฺโต)
เรื่อง ฌาน ท่านอธิบายว่า คือการเพ่งอารมณ์ จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ(อัปปนา แปลว่าแน่วแน่)
ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก ได้แก่
1 ปฐมฌาน มีองค์ 5 คือ วิตก(คือการตรึกตามธรรม) วิจาร (คือการประคับประคองจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียว )ปิติ สุข เอกัคคตา( เอกัคคตา-คือความมีจิตแน่วแน่อยู่ในอารมณ์ อันเดียวได้แก่สมาธิ)
2 ทุติยฌาน มีองค์ 3 คือ ปิติ สุข เอกัคคตา (ตัดวิตก วิจาร ออก)
3 ตติยฌาน มีองค์ 2 คือสุข และอกัคคตา 4 จตุตถฌาน มีองค์ 2 คืออุเบกขา(ความมีอารมณ์เป็นกลาง) และเอกัคคตา
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์( ป.อ. ปยุตฺโต) ได้อธิบายว่า เมื่อได้ฌาน ครบทั้ง 4 เราก็สามารถ ก้าวไปสู่ผลได้พิเศษจากสมถะ (ฌาน)ก็คือได้อภิญญา 5
อภิญญานั้นแปลว่าความรู้ที่ยอดยิ่ง โดยมากจะเป็นเรื่องของฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์ ที่เป็นผลสำเร็จในด้านพลังจิตมี 5 อย่าง
1 อิทธิวิธิ แปลว่าแสดงฤทธิ์ได้ เช่น การเหาะ การแปลงตัวอะไรต่างๆเหล่านี้หรือเหาะไปในอากาศก็เป็นประเภทที่แสดงฤทธิ์ได้
2 ทิพพโสตะ แปลว่าหูทิพย์คือสามารถได้ยินเสียงที่ไกลๆ ที่หูธรรมดา ไม่สามารถจะได้ยินได้ ก็เรียกกัน เรียกกันง่ายๆว่าหูทิพย์คนก็เข้าใจ
3 เจโตปริยญาณแปลว่าญาณที่กำหนดใจคนอื่น สามารถรู้ใจคนอื่นได้ นี้ก็เป็นความรู้พิเศษ
4 ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ญาณที่เป็นเหตุให้ระลึกชาติได้
5 ทิพพจักขุแปลว่าตาทิพย์
สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลๆ หรือสิ่งที่มีเครื่องปิดบังปกปิดขัดขวางไว้ก็มองเห็นทะลุ ปรุโปร่งไปหมดอันนี้เป็นความสามารถพิเศษทางจิต
เรื่องการเจริญสมถะ มีจุดหมายอยู่ที่การ ได้สมาธิ การทำจิตใจให้สงบ
ในทางพุทธศาสนานั้นสมถะมุ่งให้เป็นฐานแก่วิปัสสนาเป็นสำคัญ ไม่ได้มุ่งให้ได้ผลสำเร็จที่เป็นความสามารถทางพลังจิตเช่นได้อภิญญาอะไรต่างๆเหล่านี้
แต่อภิญญา 5 นี้มักเป็นที่ปรารถนาของคนจำนวนมาก ชอบตื่นเต้น แต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มิได้ทรงถือเป็นเรื่องสำคัญ
ถ้าใครได้ก็ยกย่องในแง่ที่มีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่ง แต่ให้เข้าใจว่าก่อนพุทธกาลเขาก็ได้กันอยู่แล้ว
ความวิเศษของพระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่สิ่งเหล่านี้
สิ่งพิเศษที่พระพุทธเจ้าได้เพียรพยายามจนกระทั่งความเจริญนั้นอยู่ที่การนำเอาสมาถะมาใช้ เพราะฉะนั้นการได้อภิญญา 5 นี้ ไม่ใช่เป็นการวัดความสำเร็จ ในพระพุทธศาสนา
การได้อภิญญา 5 เช่นได้ฤทธิ์แล้วก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้ แปลว่ายังมีกิเลสอยู่นั่นเอง
ยังสามารถทำความชั่วได้ ยกตัวอย่างพระเทวทัต เป็นต้นซึ่งเป็นผู้ที่ได้บรรลุผลสำเร็จในทางสมถะในการเจริญจิตภาวนาแล้ว แต่ทำชั่วร้ายแรง
ฉะนั้นขอให้เป็นข้อสังวรว่า เราไม่ได้เอาความสามารถพิเศษในทางจิต หรืออภิญญา 5 นี้มาวัดความสำเร็จในทางพระพุทธศาสนา
ผู้ที่ปฏิบัติ ในทางพระพุทธศาสนา สามารถชำระกิเลสด้วยปัญญา หรือว่าพัฒนาจิตพัฒนาปัญญาของตนให้เจริญดีงามขึ้นบรรลุกุศลธรรมเบื้องสูง กำจัดกิเลสได้ แม้จะไม่ได้อภิญญา 5 ไม่มีฤทธิ์ไม่มีเดชท่านถือว่าเป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้ปฏิบัติถูกต้อง ตาม หลักของพระพุทธศาสนา
ดังนั้นสำนักสงฆ์ที่สอนทิพยจักษุ นั้นถูกผิด อย่างไร สาธุชนโปรดพิจารณา