DSI จ่อสรุปสำนวน คดี 18บอส"ดิไอคอน" ชงอัยการ 20 ธ.ค.นี้

DSI จ่อสรุปสำนวน คดี 18บอส
“โฆษกดีเอสไอ” เผย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมสรุปสำนวนมีความเห็นทางคดี 18 บอส “ดิไอคอน” เสนอต่ออัยการคดีพิเศษ ภายในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ย้ำชัด ดีเอสไอเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ถึงวันที่ 3 ธ.ค.

พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เผยความคืบหน้าในคดี 18 บอสดิไอคอน ว่า สำหรับการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ถือเป็นการประชุมติดตามความคืบหน้า ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ไปดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย ก่อนนำมารายงานผู้บังคับบัญชา โดยเนื้อหาสำคัญ คือ การรายงายผลการสอบสวนปากคำผู้ต้องหาชาย 11 บอสดิไอคอน ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 21-22 พ.ย.

รวมทั้ง ยังมีประเด็นหารือแนวทางการจัดการกับคำร้องที่ยื่นขอพิจารณาถอนอายัดทรัพย์สิน จึงได้มอบหมายไปยังกองคดีเทคโนโลยี และสารสนเทศ ไปดำเนินการวางระบบงาน นอกจากนี้ ในประเด็นการเตรียมสรุปสำนวนคดีพิเศษ กรณีการดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก เพื่อส่งพนักงานอัยการนั้น คณะพนักงานสอบสวนได้วางกรอบไทม์ไลน์ไว้เป็นวันที่ 20 ธ.ค. โดยจะสรุปสำนวนพร้อมความเห็นทางคดีในส่วนของ 18 ผู้ต้องหาล็อตแรก ต่อพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาเนื้อหา และพยานหลักฐาน ก่อนจะสรุปสำนวนส่งอัยการ โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะต้องประชุมร่วมกันเพื่อมีมติในที่ประชุมว่าจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาดังกล่าวนั้น เนื่องด้วยความเห็นทางคดีอย่างไรบ้าง

เมื่อถามว่า คดี ดิไอคอนฯ ทางดีเอสไอ ได้เชิญพนักงานอัยการมาเป็นที่ปรึกษาในคดี จะยิ่งทำให้ช่วยอุดช่องโหว่ภายในสำนวนได้หรือไม่ พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เราได้หารือประสานเรื่องรอยต่อทางสำนวนกันอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าอำนาจการพิจารณาอีกชั้นหนึ่ง หลังรับสำนวนจากดีเอสไอไป ตามกฎหมายก็คืออำนาจของพนักงานอัยการ เพียงแต่ว่าจะเป็นการประสานงานกัน เพื่อไม่ให้ติดขัดในการส่งสำนวน สิ่งใดที่เป็นเรื่องจำเป็นจะได้ดำเนินการให้ครบถ้วนตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน

ส่วนเรื่องกรอบเวลาที่ดีเอสไอจะยุติการสอบสวนในคดีของ 18 บอสดิไอคอน ตรงกับวันที่ 3 ธ.ค.นั้น พ.ต.ต. วรณัน กล่าวว่า ทางทนายความของผู้ต้องหาในฐานะผู้ประสานงาน ได้ติดต่อมายังร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล เพื่อขอนำพยานมาเขียนคำร้องว่า แต่ละรายจะขอพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดบ้าง ทราบว่ากระบวนการจะเริ่มในวันที่ 25 พ.ย.นี้

ซึ่งทางดีเอสไอได้เตรียมแผนรับรองว่าจะมีแบบฟอร์มเบื้องต้นให้พยานที่มาได้กรอกข้อมูลรายละเอียดในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีมูลฐานก่อน รวมถึงประเด็นที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามแบบฟอร์มที่กำหนด เพื่อจะได้นำมาประเมินว่าพยานรายใดมีความจำเป็นในการสอบสวนมากน้อยเพียงใด และให้พิสูจน์ในประเด็นที่ตนเองเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง จึงไม่ถือว่าเป็นการตัดพยาน เพราะการดำเนินงานของพนักงานสอบสวน เป็นเรื่องของการตรวจสอบพยานหลักฐานที่จะใช้พิสูจน์ความบริสุทธิ์

ดังนั้น จึงต้องดูประเด็นที่จะใช้พิสูจน์ คือเรื่องอะไร จึงทำให้ทีมคณะพนักงานสอบสวนของร.ต.อ.สุรวุฒิ ได้จัดทำแบบฟอร์มดังกล่าว เพื่อให้บรรดาพยานได้กรอกข้อมูลเบื้องต้นก่อน และเมื่อกรอกประเด็นครบถ้วนแล้ว ทางคณะทำงานก็จะได้มาพิจารณาคำร้องเหล่านี้ ว่ามันมีข้อเท็จจริง มีพยานหลักฐานพิสูจน์ประเด็นความบริสุทธิ์ในเรื่องอะไรบ้าง รวมทั้งสอบใครบ้าง เป็นต้น ทั้งนี้ มติที่ประชุมของคณะพนักงานสอบสวน ได้ให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมด 18 ราย รับทราบแล้ว

นอกจากนี้ ประการสำคัญอีกเรื่องคือกรณีที่สำนักงาน ปปง. ได้ประกาศเปิดรับคำร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในคดี ดิไอคอน และได้กำหนดระยะเวลา 90 วัน เพื่อให้ผู้เสียหายในคดีได้ยื่นคำร้องตามช่องทางที่กำหนดไว้ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าว เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา – 17 ก.พ.68  ทางดีเอสไอจึงเล็งเห็นว่า ควรจะประสานขอความร่วมมือกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายที่ประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือแจ้งความดำเนินคดี ให้แจ้งความกับตำรวจทั่วประเทศภายในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้เสียหายเอง

เมื่อแจ้งความเสร็จสิ้นแล้ว ดีเอสไอจะมีหนังสือขอความร่วมมือไปยังตำรวจอีกฉบับ คือ ขอให้ตำรวจที่รับแจ้งความ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจนครบาล ตำรวจสอบสวนกลาง  หรือตำรวจภูธร ให้ออกหลักฐานการรับแจ้งความตามแบบฟอร์มที่ดีเอสไอได้รับการประสานจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ว่า สำนักงาน ปปง. มีความประสงค์ต้องการข้อความในลักษณะนี้ เพื่อให้ประชาชนได้เอกสารลงบันทึกประจำวัน และใช้ยื่นต่อ ปปง. ได้ด้วย จะได้เป็นการช่วยคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายในคราวเดียว ทั้งนี้ หนังสือขอความร่วมมือดังกล่าวนี้ จะส่งถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ภายในวันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.)

จากการที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าไปสอบปากคำ 11 บอสชายดิไอคอน ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21-22 พฤศจิกายน ขอยืนยันว่า ยังไม่มีรายใดส่งเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา มีเพียงบันทึกการรับทราบข้อกล่าวหา และการสอบปากคำเพิ่มเติมเท่านั้น ส่วนความคืบหน้าในคดีพิเศษ กรณี ฟอกเงินทางอาญา ซึ่งมี ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการคู่ขนาน เพราะดีเอสไอต้องทำสำนวนคดีมูลฐานคดีพิเศษนี้ให้เรียบร้อยก่อน เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงจะได้เข้ากระบวนการเดินเรื่องฟอกเงินต่อไป

ทั้งนี้ พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า เนื่องด้วยสถานการณ์คดี ดิไอคอน ที่มีผู้เสียหายจำนวนมากทั่วประเทศ จึงขอฝากเตือนไปยังประชาชนทุกรายที่เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จะโทรศัพท์ติดต่อมายังท่านโดยตรง หรือโทรฯ แล้วต่อด้วยให้เพิ่มเพื่อนในไลน์ (Line) ด้วยการแอบอ้างว่าเป็นตำรวจรับผิดชอบในคดีที่ต้องตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน

อีกทั้งยังใช้น้ำเสียง หรือถ้อยคำลักษณะข่มขู่ทำให้หวาดกลัว ขอตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการขอให้ท่านโอนเงินไปยังบัญชีปลายทางที่มีการแอบอ้าง หรือขอให้ท่านเดินทางไปยังหน่วยงานราชการใด ขอเน้นย้ำว่า หากปลายสายมีพฤติการณ์ดังกล่าว ให้มั่นใจเลยว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตัวจริง แต่เป็นการแอบอ้างสบโอกาสสร้างความเสียหายให้แก่พี่น้องประชาชน หากมีพิรุธข้อสงสัย หรือพบการนำเอารูปภาพของผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ มาใช้แอบอ้าง ท่านสามารถตรวจสอบ และแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนดีเอสไอ โทร. 1202 เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จะไม่ติดต่อประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย หรือโทรศัพท์หาประชาชนก่อนอยู่แล้ว

TAGS: #ดิไอคอน #บอสพอล #ดีเอสไอ