“อนุทิน” ชี้เป็นสิทธิ์ “สส.-สว.” ตาม รธน. หากต้องการถก MOU 44 ในสภา รัฐบาลพร้อมแจงตามข้อเท็จจริง   เชื่อ สถานการณ์น้ำท่วมใต้เริ่มคลี่คลาย หลังฝนลดลง  จ่อของบเยียวยาในที่ประชุม ครม. สัปดาห์นี้ 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เผย กรณีที่มีข้อเสนอให้ใช้กลไกของรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปให้ สส.และ ส.ว.ได้อภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี เรื่องเอ็มโอยู 2544 เพื่อป้องกันการชมนุมประท้วงว่า เป็นสิทธิของทุกฝ่าย ทุกอย่างอยู่บนข้อเท็จจริง ข้อมูลและเจตนารมณ์ เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร หากใครมีข้อมูลคำแนะนำชี้แนะมา รัฐบาลก็ยินดีรับฟังอยู่แล้ว และขอยืนยันว่าไม่มีที่รัฐบาลของไทยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะยอมเสียประโยชน์ให้กับต่างชาติ หรือจะยอมแบ่งดินแดนเพื่อประโยชน์ทางรายได้ ดังนั้นตนมั่นใจว่าไม่มี เป็นการพูดไปเรื่อยเปื่อย เพราะความจริงแล้วยังไม่มีการทำอะไร ยังไม่มีการเจรจาและตกลงอะไรอย่างเป็นทางการ ที่เรียกว่า Agree do this agree

เมื่อถามย้ำว่าจำเป็นต้องถกกันในสภาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็แล้วแต่ หากสมาชิกรัฐสภาท่านใดต้องการเสนอแนะ ซึ่งความจริงก็ถกกันมาในสภาหลายรอบแล้ว หากใครมีประเด็นก็อาจอาจยื่นกระทู้หรือขอเปิดอภิปรายทั่วไป ถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลก็มีความพร้อมในการชี้แจง ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลตอบได้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องอยู่เป็นข้อเท็จจริง บนฐานข้อมูลที่มีอยู่และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องยึดถือพระบรมราชโองการ ที่มีไว้ว่าเขตแดนตรงไหนเป็นของไทย ซึ่งตรงนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล

นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ว่า จากการพยากรณ์อากาศมีความชัดเจน ว่า ปริมาณน้ำฝนน่าจะเริ่มลดลงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จึงเชื่อว่าสถานการณ์น่าจะเริ่มคลี่คลาย เพราะอุทกภัยภาคใต้นั้นแตกต่างจากภาคเหนือ เนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนมากเพียงอย่างเดียว หากผลักดันน้ำลงสู่ทะเลได้ทุกอย่างก็จะดีขึ้น ซึ่งจากการติดตามความคืบหน้าจากผู้ว่าราชการจังหวัด พบว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ขณะที่การประเมินความเสียหาย ทั้งบ้านเรือนประชาชน และระบบสาธารณูปโภค ต้องรอให้น้ำลดลงก่อนถึงจะเข้าไปตรวจสอบได้ รวมทั้งเรื่องสุขภาพของประชาชน เพราะช่วงที่วิกฤตที่สุดก็คือ หลังน้ำลด

ส่วนกรณีที่มีอาจารย์มหาวิทยาลัยถูกไฟดูด ขณะเกิดเหตุน้ำท่วม นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้กำชับกับการไฟฟ้าให้ดูแลพื้นที่ในส่วนที่น้ำเข้าท่วม ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนระมัดระวัง การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในครัวเรือน และทางจังหวัดได้จัดเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งการอพยพประชาชนเข้ามาพักพิง ตนได้กำชับให้ดูแลชาวบ้านอย่างมีมาตรฐาน ทั้งเรื่องอาหารการกิน ที่นอนหมอนมุ้ง ตลอดจนสุขอนามัย สะอาดได้มาตรฐานไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อ พร้อมทั้งอนุมัติเงินใช้ทดลองฉุกเฉินเพิ่มอีก 50 ล้านบาทในจังหวัดเสี่ยงภัย รวมเป็นจังหวัดละ 70 ล้านบาท ซึ่งเป็น เชื่อว่าสามารถดูแลประชาชนได้ ส่วนเงินเยียวยานั้น ปภ.อยู่ระหว่างประสานกับจังหวัดที่ประสบภัย หากเข้าเกณฑ์ก็จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แล้วจะโอนเงินเข้าสู่บัญชีผู้ประสบภัยโดยตรง แบบเดียวกับการเยียวยาอุทกภัยที่ภาคเหนือ ซึ่งพยายามจะเร่งเสนองบประมาณเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ โดนเป็นการใช้งบกลางของนายกรัฐมนตรี จึงต้องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาข้อมูลก่อน

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงหลักเกณฑ์เยียวยาว่า เป็นไปตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้มาตั้งแต่อุทกภัยในภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการว่า ความเดือดร้อนขนาดนี้ไม่ประเมินความเสียหาย ควรใช้เกณฑ์สูงสุดครัวเรือนละ 9,000 บาท เนื่องจากน้ำนั้นมากกว่าปกติถึง 2 เท่า และไม่ได้มาตามฤดูกาล ซึ่งน่าจะต้องใช้หลักเกณฑ์นี้ไปจนถึงสิ้นปี ก่อนที่ปีหน้าจะต้องสู้กับปัญหาหมอกควัน ฝุ่น PM 2.5 และปัญหาภัยแล้งอีก