“ภูมิธรรม” เผย รัฐบาลดีเดย์ 30 ม.ค.นี้ ปราบยาเสพติด ซีลเข้มชายแดน 12 ชั้นสกัดยาเสพติด ขู่ย้ายกราวรูด หาก 6 เดือนไม่เห็นผล
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผย กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยหาเสียงถึงเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ว่าจะปราบให้หมดในปีนี้ ว่า เป็นเรื่องที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาลก็ซีเรียสเรื่องนี้อยู่แล้ว ตนรับผิดชอบโดยตรง อย่างแรกที่กำลังทำ คือ เคร่งครัดป้องกันยาซึ่งมีต้นทางจากนอกประเทศ ให้ไม่สามารถเข้าประเทศมาได้และมากเท่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะนี้ก็ได้ประชุมกันทุกหน่วย และในวันที่ 30 มกราคมนี้ ก็จะดีเดย์แถลงการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปปส. ปปง. และหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายกรัฐมนตรีเปิดงาน
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตามด่านเราป้องกันได้พอสมควร การข่าวเราก็ถือว่าดีพอสมควร สามารถตรวจสอบได้ และใช้เครื่องมือเพื่อให้ตรวจจับได้มากขึ้น แต่ว่าชายแดนของประเทศไทยนั้น 240 กิโลเมตร มันยาวมาก จึงมีช่องทางธรรมชาติเต็มไปหมด ดังนั้นเราได้ร่วมมือกันในคราวนี้เป็นการบูรณาการ เพื่อจะซีลชายแดนทั้งหมด ทำการซีล 12 ชั้น ซึ่งก่อนนี้มันไม่ทั่วถึง จึงจะทำการซีลชายแดนให้เข้มข้นขึ้น 14 จังหวัด 51 อำเภอ 76 สถานีตำรวจ ก็คิดว่าน่าจะเป็นมาตรการที่ให้ผลดีมากขึ้น กำหนดไว้ 6 เดือน ถ้าหาก 6 เดือนไม่เห็นผลก็ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นในการที่จะจัดการให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าใครคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมที่จะอยู่ตรงนี้เราก็จะให้สมัครใจย้าย แต่ไม่ใช่ว่าย้ายไปดีขึ้น ถือว่าคุณไม่สามารถทำงานที่มีประสิทธิภาพทำงานสำคัญก็ต้องย้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราให้ความสำคัญกับนายอำเภอและผู้กำกับ ที่จะต้องดูแลพื้นที่ในขนาดเล็กลงไปให้ได้
เมื่อถามว่า ที่ว่าจะย้ายนั้น เป็นในส่วนใดบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือมีส่วนในการไม่ทำให้ยาเสพติดมันลดลง เราก็ต้องให้สมัครใจย้าย ส่วนกรณีฝั่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น เราทำทั้งหมด คราวนี้ที่ทำในเรื่องชายแดนมีทั้งเรื่องยาเสพติด มีทั้งเรื่องค้ามนุษย์ มีทั้งเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มันเป็นเส้นทางเดียวกันที่จะเข้าจะออกประเทศ นี่คือภัยความมั่นคงที่มนุษย์สร้างขึ้น เราก็จะดำเนินการอย่างเข้มข้นอย่างจริงจัง
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีชาวอินโดนีเซีย 32 คนลักลอบเข้ามาว่า ชาวอินโดนีเซีย 32 คน ที่เราเช็คแล้ว 12 คนเข้ามาผ่านทางตม.สุวรรณภูมิ และนั่งรถไปจังหวัดตาก 8 คนในนั้น เราเช็คได้ว่าผ่านทางด่านจังหวัดตาก อีก 4 คนยังไม่ทราบ โดยได้แสดงพาสปอร์ตเข้ามาและอ้างว่าเข้ามาท่องเที่ยว ส่วนอีก 20 คนนั้นยังไม่ทราบว่าเข้ามาจากทางไหน โดยมีรายละเอียดเยอะ กำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ