เมื่อเวลา 13.20 วันนี้ เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ในเมียนมา ลึก 10 กิโลเมตร ส่งผลให้หลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพฯ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจน
โดยสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวระลอกแรก คือ อาฟเตอร์ช็อก (Aftershock) คือการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นหลังจากแผ่นดินไหวหลัก ซึ่งเกิดจากการปรับตัวของเปลือกโลกที่ยังไม่เสถียรหลังจากแผ่นดินไหวหลัก โดยมีสาเหตุหลัก คือ การปรับตัวของแรงดันในชั้นเปลือกโลก, การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก และ การแผ่กระจายของแรงสั่นสะเทือน
ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เหตุการณ์แผ่นดินไหว ยังต้องตั้งรับและเตรียมรับมือก่อนเกิดอาฟเตอร์ช็อกจากแผ่นดินไหว ซึ่ง ‘อาฟเตอร์ช็อก’ (Aftershock) ยังอาจเกิดขึ้นหลายครั้งและมีความรุนแรงแตกต่างกัน ดังนั้นการเตรียมตัวรับมืออย่างถูกต้องสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ใน 6 วิธี ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงอาคารที่เสียหาย
- อย่าเข้าใกล้หรืออยู่ภายในอาคารที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวหลัก
- หากอยู่ภายในอาคารและมีรอยร้าวหรือความเสียหายร้ายแรง ให้รีบออกมาสู่ที่โล่งที่ปลอดภัย
2. เตรียมตัวสำหรับอาฟเตอร์ช็อก
- ตรวจสอบเส้นทางหนีภัยและจุดรวมพลในกรณีต้องอพยพ
- หากอยู่ในอาคารที่แข็งแรง ควรหาที่หลบภัยที่ปลอดภัย เช่น ใต้โต๊ะที่แข็งแรง หรือชิดกำแพงด้านใน
- เตรียมไฟฉาย แบตเตอรี่สำรอง และอุปกรณ์สื่อสารที่จำเป็น
3. ตรวจสอบและป้องกันอันตรายจากสภาพแวดล้อม
- ปิดแก๊สและตรวจสอบการรั่วไหลของแก๊ส ห้ามจุดไฟหากได้กลิ่นแก๊ส
- ตรวจสอบสายไฟฟ้าและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีสายไฟขาด
- อยู่ห่างจากวัตถุที่อาจร่วงหล่น เช่น เศษซากอาคาร ป้ายโฆษณา หรือของหนักที่ไม่มั่นคง
4. เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน
- จัดกระเป๋าฉุกเฉิน (Emergency Kit) ที่ประกอบไปด้วย
- น้ำดื่มและอาหารแห้งที่สามารถเก็บได้นาน
- ยารักษาโรคและอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
- ไฟฉาย วิทยุพกพา และแบตเตอรี่สำรอง
- เอกสารสำคัญและเงินสด
- ใช้รถยนต์เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเพื่อลดการจราจรติดขัด
5. หาข้อมูลข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้
- ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา หน่วยกู้ภัย หรือสื่อทางการ
- หลีกเลี่ยงการแชร์ข่าวลือหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
6. วางแผนติดต่อกับครอบครัวและคนใกล้ชิด
- กำหนดจุดนัดพบหากต้องพลัดหลงกัน
- ใช้การส่งข้อความแทนการโทรศัพท์เพื่อหลีกเลี่ยงเครือข่ายล่ม