"ชัชชาติ" จ่อชงสภากทม.จ่ายสายสีเขียว 2 หมื่นล้าน ต้นเดือนก.ค.นี้

"ชัชชาติ"ถก "คีรี"เคลียร์หนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว จ่อชงสภาฯ กทม.ไฟเขียวเงินสะสมจ่ายในต้นเดือนก.ค.นี้ วงเงิน 20,000 ล้านบาท 

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ศาลาว่าการกทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  หรือ บีทีเอสซี ร่วมแถลงข่าวภายหลังมีการหารือ แนวทางแก้ไข ปัญหาภาระหนี้ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า บีทีเอสได้มาหารือเรื่องกรณีค่าจ้างการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย 2 ที่ครบกำหนดชำระ ประมาณ 20,000 ล้านบาท จริงๆ แล้วกทม. ได้เตรียมตัวอยู่แล้ว

ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมากระบวนการในการดำเนินการตรงนี้มีอยู่ 2 ขั้นตอนที่ต้องไปดำเนินการต่อ คือ 1. เรื่องที่กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ไปจ้างบีทีเอสเดินรถ ซึ่งขณะนั้น กทม. มอบหมายให้เคทีเป็นผู้ดำเนินการ ขั้นตอนต่อไปที่จะดำเนินการได้คือต้องให้สภากทม. อนุมัติก่อน และเรื่องที่ 2 คือ หากจะชำระเงินก็ต้องเอาเงินที่เป็นเงินสะสมจ่ายขาด ซึ่งในสภากทม.ต้องพิจารณาเหมือนกันทั้ง 2  เรื่องจึงจะนำเข้าที่ประชุมสภากทม.ต้นเดือนก.ค.นี้

ที่ผ่านมาได้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีรายละเอียด โดย คณะกรรมการวิสามัญ ได้ศึกษาและมีการประชุมไปแล้ว 5 ครั้ง ในเรื่องรายละเอียดต่างๆ คาดว่าเปิดการประชุมสภากทม. สมัยหน้า จึงจะสามารถนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภากทม.ได้ว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร เรื่องการชำระเงินดังกล่าว จะปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ด้วยความรอบคอบ

นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม. จะดำเนินการพร้อมกัน ทั้งการเอาเรื่องเข้าสภากทม. เกี่ยวกับการชำระหนี้คาดว่าสมัยการประชุมนี้น่าจะพร้อม เนื่องจากศึกษากันมาพอสมควร และเร่งรัดทางรัฐบาลอีกทางหนึ่ง จริงๆ แล้วกทม.ได้ทำหนังสือไปถึงกระทรวงมหาดไทยใน หลายประเด็น ประเด็นแรก อยากให้การสนับสนุนจากรัฐบาลสําหรับโครงสร้างพื้นฐานกับค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) เนื่องจากเมื่อครั้งที่ ม.44 มอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ได้ให้ค่าใช้จ่ายมาด้วย

สำหรับเรื่องที่ 2  คือ เรื่องที่ค้างอยู่ตาม ม. 44 จริงๆ แล้วตัวมูลหนี้ของ E&M อยู่ในเงื่อนไขสัญญาสัมปทานใหม่ที่เราส่งไปให้มหาดไทยเพื่อให้ค.ร.ม.พิจารณามติมูลหนี้ ถ้าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จะถูกหักลบด้วยสัญญาสัมปทาน ซึ่งตอนนี้เรื่องยังค้างอยู่ในค.ร.ม. ยังไม่มีข้อยุติ คงต้องสอบถามและเร่งรัดทางค.ร.ม. ด้วยว่าจะพิจารณาอย่างไร 

 “เราก็เห็นใจทางเอกชนเพราะมีภาระหนี้ที่เยอะ บีทีเอสก็เป็นตัวสำคัญที่ช่วยบรรเทาเรื่องการเดินทาง แต่ว่าเป็นระเบียบปฏิบัติซึ่งทั้งฝ่ายบริหารกับทางสภากทม. ก็เข้ามาหลังจากที่มีการดำเนินการไปแล้วนั้น ทำอย่างไรให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามในกรอบระเบียบที่กำหนด” นายชัชชาติ กล่าว

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า มูลค่าหนี้โครงการรถไฟฟ้า รวมค่าโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ประมาณ 90,000 ล้านบาท กทม.ขอให้รัฐบาลสนับสนุนค่าโครงสร้างพื้นฐาน และค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ที่ผ่านมา กทม. ไม่ได้ทำโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์ใหม่ เพราะมีเรื่องโครงการรถไฟฟ้าค้างคาอยู่  และเป็นข้อที่เราต้องระมัดระวังในการใช้งบประมาณ  เพราะเงินที่ต้องชำระถือเป็นงบประมาณจำนวนมากสำหรับ กทม. โดย กทม.จะนำเงินสะสมจ่ายขาด มาชำระหนี้แต่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภา กทม.ก่อน ปัจจุบันมีอยู่ 40,000-50,000 ล้านบาท แต่จะพยายามใช้เงินให้น้อยที่สุด

สำหรับการชงเรื่องสายสีเขียวเข้าที่ประชุมสภา กทม. หากมีการตีตกไปเหมือนการประชุมครั้งก่อนต้องคุยกันด้วยเหตุผล ส่วนจะชงเรื่องเข้าคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน กรุงเทพมหานคร ที่ตั้งขึ้นร่วมกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ การแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นเรื่องที่จะต้องมีอยู่แล้ว และคงต้องดูเรื่องเนื้อหาและรายละเอียดอีกครั้ง

ด้าน นายคีรี กล่าวว่า ขอบคุณผู้ว่าฯ กทม. ที่ให้เข้ามาคุยด้วย แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกก็ตาม วันนี้ไม่อยากใช้คำว่าเจรจา แต่เป็นการคุยกันเพื่อเข้าใจกันมากขึ้น ขอบคุณที่เข้าใจเอกชนที่รับภาระมาเป็นเวลา 4 ปี แล้ว  วันนี้กทม. เข้าใจว่าต้องจ่าย 2 ส่วน ทั้ง ค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) และค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ถึงเวลาต้องชำระ

"ขอบคุณผู้ว่าฯกทม.ที่ผลักดันให้เข้าสภากทม. ต้นเดือนก.ค. เพื่อให้มีการเร่งชำระเงิน ทำให้บริษัท มีความมั่นใจมากขึ้น คาดว่าบริษัทจะได้เงินจาก E&M  2 หมื่นล้านบาท  ส่วน O&M ต้องรอ ครม. แต่ที่ผ่านมา เข้า ครม. แต่มีการชักเรื่องเข้าออก โดยมีมุมมองยังขาดเอกสารรายละเอียดต่างๆ แต่จริงๆแล้ว มีรมต.คมนาคม ยังแย้งอยู่ วันนี้ไม่อยู่แล้ว เชื่อว่าคมนาคม อาจจะเข้าใจดีขึ้น หากรัฐบาลรักษาการจะทำเรื่องนี้ให้จบ"นายคีรี กล่าว

TAGS: #ชัชชาติ #คีรี #บีทีเอส #กทม. #สายสีเขียว