"วราวุธ" เร่งฟื้นฟูสถาบันครอบครัวป้องกันเหตุซ้ำ จากกรณี "พ่อฆ่าลูก" บอกจัดสปีชี่ส์ไม่ถูก

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการในคดีของนายเอ็ม ผู้ต้องหาคดีพ่อฆาตกรรมโบกปูนลูก วัย 2 ขวบ ในจังหวัดกำแพงเพชร ว่า จากนี้ไปเราคงต้องให้ความสำคัญกับผู้ที่ดูแลเด็กเล็กทั้งหลาย โดยโครงการที่ตนได้นำเสนอนั้น เช่น โครงการคนดีศรีประเทศ ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบที่จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีเอ็มที่ฆาตกรรมลูกตัวเอง และการที่มีปัญหาเกิดขึ้นต่างๆ ในครอบครัวนั้น องค์ประกอบที่เล็กที่สุดซึ่งคือสถาบันครอบครัวจากนี้ไปเราจะต้องเร่งฟื้นฟู สร้างความอบอุ่น สร้างความใกล้ชิดให้เกิดขึ้นในสังคม นิยามของคำว่าครอบครัวของคนรุ่นใหม่สมัยนี้ จะทำให้เราสามารถค่อยๆ ถอดสมการออกมาได้ ว่าเขามองปัญหาเป็นอย่างไร และเราจะสามารถทำให้เขามีความรู้สึกดีๆ กับคำว่าครอบครัวได้อย่างไร สิ่งที่กระทรวงพม.จะต้องเร่งดำเนินการในวันนี้คือปลูกฝังค่านิยม และเร่งสร้างความเข้าใจ รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดคดีอย่าง “เอ็ม” ที่ฆาตกรรมลูกตัวเอง สิ่งที่สำคัญเวลาเกิดปัญหาเหล่านี้เพื่อนบ้านก็มีบทบาทมาก เพราะเวลาเด็กเล็กโดนทำร้ายหรือเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นภายในบ้าน เด็กจะต้องร้อง เพื่อนบ้านไม่ควรนิ่งดูดาย หากว่าได้ยิน ตนก็คิดว่าเป็นหนึ่งในหน้าที่ของเพื่อนบ้านที่ดี ที่ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้บเจ้าหน้าที่ของพม.จังหวัดเอง ที่จะต้องเข้ามาเร่งเยียวยาไม่ให้เกิดเหตุอย่างในกรณีนี้ 

“สัตว์หลายชนิดก็ยังรักลูกของตัวเอง ส่วนคนที่ทำร้ายลูกของตัวเองแล้ว เอามาเรี่ยรายบริจาคหาเงินนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะจัดอยู่ในสปีชีส์ไหน ทั้งนี้ทั้งนั้น กรณีเช่นนี้ เราจะต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับคนที่เป็นพ่อแม่ และแยกเอาตัวเด็กในแต่ละเคสออกจากผู้ที่กระทำความผิดโดยเร็วที่สุด” นายวราวุธ กล่าว

 นายวราวุธ กล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่ตนเป็นห่วงคือ เรื่องค่าอาหารกลางวันเด็ก ที่กรมกิจการและเยาวชนได้ดูแลอยู่ เมื่อเทียบกับอีกหลายๆ หน่วยงาน ก็พบว่าเราเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับค่าอาหารกลางวันต่ำที่สุด ยกตัวอย่างในวันที่ 3 มี.ค. 58 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเพิ่มค่าอาหารกลางวันของผู้ที่จะสำเร็จการศึกษาเป็นนายทหารชั้นประทวนเพิ่มจาก 75 บาท เป็น 96 บาท แม้แต่ผูเที่ถูกคุมขังหรือผู้ต้องหาก็ได้มีการเพิ่มค่าอาหารกลางวันเป็น 67 บาท แต่เมื่อกลับมาดูกรมพินิจเด็กและเยาวชน ได้ค่าอาหารกลางวันนักเรียน มื้อละ 36 บาท แต่พอมาดูตัวเลขของกิจการเด็กและเยาวชน เราอยู่ที่ประมาณ 57-62 บาทเท่านั้น เฉลี่ยออกมาได้มื้อละ 19 บาท ซึ่งทางกระทรวงพม. คงจะต้องทำเรื่องขอเพิ่มคุณภาพ และงบประมาณ ในอาหารที่ดูแลเด็กแรกเกิดจนถึงเยาวชน อีกทั้งอาหารที่ลูกหลานของคนไทยจะได้รับการบริโภคในช่วง 6-18 แีแรก มีผลอย่างยิ่งในการพัฒนา สมอง ร่างกาย จิตใจ บวกกับเราจะเข้มงวดในคุณภาพของผู้ที่ดูแลเด็กและเยาวชนเหล่านั้น 

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ นายวราวุธ กล่าวว่า ณ วันนี้ ยังเหมือนเดิมอยู่ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามที่เป็นกังวลกัน เบี้ยยังมาเป็นประจำ งบประมาณต่างๆ พร้อม ในอนาคตคงต้องมีการพูดคุยกันก่อน ยังเร่งดำเนินการอะไรโดยฉับพลันไม่ได้ ผู้สูงอายุยังคงวางใจได้