"ชวน" กรีด หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องชนะการแข่งขัน ไม่ใช่มาตามโพย เสียดายมีล็อบบี้สกัด มาดามเดียร์ ขอฝากความหวังกรรมการบริหารชุดใหม่ อย่าให้ใครเอาพรรคไปหากิน ยัน ไม่ทิ้งปชป.
นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสมาชิกพรรคหลายคนทยอยลาออก ภายหลังได้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ว่า อะไรเขาล็อคไว้หมด ไม่มีประโยชน์ ขอร้องให้มาก่อนก็มา แต่มาแล้วลาออก ไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เสียดายคนที่เป็นกำลังสำคัญ คนที่ไม่ใช่ สส. หลายคนก็แจ้งลาออก คนที่เคยสนับสนุนพรรคก็ขอลาออก ก็เข้าใจ ด้วยความเห็นใจคนที่ห่วงใย เขารักพรรค
เมื่อถามย้ำว่า เขาล็อคไว้แล้ว แสดงว่าการเลือกหัวหน้าพรรคมีการล็อบบี้ใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ก็คงเป็นอย่างนั้น ความจริงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ใหญ่ พูดตรงไปตรงมาในที่ประชุม แม้จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ตนก็คิดว่าพล.ต.ต.สุรินทร์ ตรงไปตรงมา ที่บอกว่าการเลือกหัวหน้าพรรค แล้วแต่เลขาธิการพรรคสั่งมา เพราะเลขาธิการพรรคดูแลมา 4 ปี พูดง่ายๆ คืออุปถัมภ์เลี้ยงดูกันมา 4 ปี แล้วแต่ท่านสั่ง หลายคนพูดอย่างนี้
"ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้เป็นคนอื่น ถ้าเลขาพรรคเป็นคนสนับสนุน คนนั้นก็ชนะ นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่เมื่อท่านยอมผิดคำพูดเพื่อมาเป็นเอง เมื่อวานนี้ท่านก็ประกาศชัดเจนว่า 1. สิ่งที่ตนพูดเอาไว้ว่าอย่าให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคอะไหล่ ตอนนั้นมีความคิดที่ดิ้นรนอยากเป็นรัฐบาล ไปร่วมกับเขา ก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น 2. สิ่งที่ตนห่วงคืออุดมการณ์ของพรรค"
ดังนั้น ข้อ 1 ข้อ 2 ชัดเจน ที่ประกาศมา 78 ปี คือเรื่องการเมืองบริสุทธิ์ ความซื่อสัตย์สุจริต ที่ประชาธิปัตย์ได้รับการยอมรับเป็นสถาบันทางการเมือง ไม่ใช่เพราะอยู่นานเสมอไป ถ้าอยู่นานแล้วโคตรโกง โกงทั้งโคตร หัวหน้าติดคุก ก็ไม่มีใครยอมรับความเป็นสถาบันการเมือง แต่ที่คนรุ่นก่อน หัวหน้าพรรคทุกคน เขาทำหน้าที่มาด้วยความซื่อตรง สุจริต จึงทำให้พรรคได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้น ต้องรักษาสิ่งนี้ไว้
นายชวน กล่าวต่อว่า หัวหน้าพรรคคนใหม่ก็ยืนยันในที่ประชุมเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ตนก็ฝากให้กรรมการบริหารหลายท่าน ที่คงพะวงเรื่องพวกนี้ช่วยกันดูแล เพราะที่ผ่านมามีข่าวลือเกี่ยวกับรัฐบาลในส่วนที่ประชาธิปัตย์ดูแลอยู่ไม่น้อย
เมื่อถามว่า กรรมการบริหารพรรคส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ จะสามารถทำงานร่วมกับสมาชิกรุ่นเก่าได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ที่จริงไม่มีรุ่น เพราะการบริหารพรรคมีกติกาอยู่ และกรรมการบริหารพรรคคือบุคคลที่จะนำพรรคไปสู่ความสำเร็จ หรือล้มเหลว คราวที่แล้ว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นหัวหน้าพรรค เราต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ตนยืนยันว่า นายจุรินทร์ได้เป็นหัวหน้าพรรค เพราะ 1.นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ 2.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 3.ตน ช่วยสนับสนุนสู้กับคนอื่น คนอื่นเขาก็เก่ง แต่ในที่สุดเมื่อนายจุรินทร์ชนะ ได้เสนอ นายเฉลิมชัย เป็นเลขาพรรค เราก็เลือกนายเฉลิมชัยเป็นเลขาธิการพรรค แล้ว 4 ปี คนเหล่านี้ก็นำพรรคเรามาสู่จุดนี้
“ทุกคนก็ห่วงว่าต่อไปนี้มันจะตกต่ำมากกว่านี้ไหม ครั้งนี้ระบบบัญชีรายชื่อได้ 3 คน มันไม่มี ในอนาคตจะดีจะชั่วยังไง มันไม่ควรจะต่ำกว่า 3 คน ครั้งนี้มันควรจะเป็นผลงานของ นายจุรินทร์ นายเฉลิมชัย กับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ที่บริหารมา จนกระทั่งผลออกมาอย่างที่เราได้เห็น”
ส่วนในอนาคตเป็นอย่างไร ตนหวังว่าเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ก็ฝากเขา ขอให้ยึดอุดมการณ์พรรคเอาไว้ ถึงแม้จะไว้วางใจได้ไม่เต็มที่ แต่ฝากกรรมการบริหารบางคนที่ยังรัก ห่วงพรรคอยู่ ช่วยกันดูแล อย่าให้เขาเอาพรรคไปหากิน
เมื่อถามว่า ในฐานะผู้อาวุโสของพรรค จะวางบทบาทต่อจากนี้อย่างไรบ้าง นายชวน กล่าวว่า พยายามที่จะช่วยประคับประคอง สนับสนุนสิ่งที่ดีให้กับพรรค ที่ตนตัดสินใจหนุน นายอภิสิทธิ์ ตนก็ไม่แน่ใจว่า นายอภิสิทธิ์ ถอนตัวหรือไม่ แต่ตนบอกเขาว่า ตนจะเสนอ เพราะตนเห็นว่าสถานการณ์นี้ เป็นช่วงเวลาที่จำเป็น ที่จะต้องเป็นคนที่สังคมยอมรับพอสมควร
“ผมว่าหัวหน้าพรรคทั้งหลายในประเทศไทย คุณอภิสิทธิ์ ไม่ด้อยกว่าใคร ถ้าเป็นคนขี้โม้หน่อย ผมก็จะบอกว่า เหนือกว่าคนอื่น เขาก็ไม่ด้อยกว่าใคร มีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ นำพาพรรคในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน”
นายชวน กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่คนห่วงใยพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเขาถือว่ามีอยู่พรรคเดียวที่ยังพอพึ่งพาทางความคิด ความมุ่งมั่นในการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนอยู่ แต่เมื่อเสนอแล้วได้รับผลออกมาเป็นเช่นนี้ ก็ไม่นึกว่าท่านจะลาออกจากพรรค คิดแค่ว่าอาจจะไม่รับ แต่ถึงขั้นจะลาออก ไม่ได้คิดว่าจะเกิดขึ้น แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้กำลังใจว่า ท่านอย่างเพิ่งวางมือ วันเวลาท่านก็ยังมีอยู่ เหมือนกับ น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์
“ผมก็เสียดาย เพราะผมก็ชื่นชมในความพยายามของ น.ส.วทันยา และเมื่อเห็นโพยที่มีคนส่งมาให้ดู เป็นโพยล็อคเอาไว้ว่า อย่าไปรับการลงมติ 3 ใน 4 เพื่อยกเว้นข้อบังคับ (6) ผมเห็นเขาสกัด จึงต้องขออนุญาตพูดในที่ประชุม ขอร้องสมาชิกว่า ขอเปิดโอกาสให้ น.ส.วทันยา ได้มีโอกาสแข่งขันจริงๆ ผลไม่เปลี่ยนหรอก แต่ควรจะเปิดโอกาสให้ได้คะแนนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขาดไป 60 กว่าเสียง ผมก็รู้สึกว่าทำไมไปกลัวเขา น่าจะแข่งขัน หัวหน้าพรรคจะได้มาโดยการแข่งขัน ไม่ใช่ได้มาตามโพย”
นายชวน กล่าวอีกว่า ตนได้พยายามนำเสนอแนะในทางที่ดี แต่เขาไม่เอาแนวที่เราเสนอ ความปรารถนาดีของเราคือ อย่างน้อยภาพลักษณ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมทย์ ตน จนถึงนายจุรินทร์ เราก็มาด้วยระบบแข่งขันด้วยกันทั้งสิ้น แต่ระบบเดิมสมาชิกจะพิจารณาว่า ใครสามารถนำพรรคไปได้ เมื่อครั้งที่ตนชนะ ในเวลาต่อมาตนก็ได้เชิญคนที่แข่งด้วยมาเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งต่อมาก็ได้เป็นประธานสภาฯ ไม่ได้หมายความว่า แข่งขันแล้วแตกแยกเสมอไป บางยุคไม่มี ยุคที่แข่งขันแล้วคนลาออกไปเยอะ คือยุคนายจุรินทร์ พยายามห้ามทุกคนแล้วก็ห้ามไม่อยู่ ซึ่งตนก็ชื่นชมคนทำงานเหล่านี้ คนดีๆ ก็อยากจะเก็บไว้ อยากเอาไว้เป็นกำลังให้กับพรรค เพราะเป็นช่วงปลายพวกตนแล้ว คนที่จะเข้ามาใหม่ๆ อย่างน.ส.วทันยา เราก็อยากเห็นเขายังอยู่ต่อไป เพราะมีอนาคตอยู่
เมื่อถามว่า ถ้าหัวหน้าพรรคมาตามโพย บทบาทการทำงานในพรรคจะอึดอัดหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนเป็นสมาชิก ไม่ได้เป็นที่ปรึกษา ไม่ได้มีอะไร เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของพรรค เป็นสมาชิกคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็มีสิทธิในฐานะสมาชิกคนหนึ่ง พยายามให้ความเห็นในทางที่เป็นประโยชน์
“เขาไปฝืนมติพรรค 77 ปี ประชาธิปัตย์ไม่เคยไปฝืนมติพรรคกลางสภาฯ ไปรับนายกฯ เศรษฐา ทั้งที่ พล.ต.ต.สุรินทร์ เป็นคนเสนอในที่ประชุมพรรคไม่ให้รับ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ คือเขาเอง เพราะเราไม่ได้ร่วมรัฐบาล แล้วคนเหล่านี้กลับคำตัวเองในสภาฯ เรื่องเหล่านี้ไม่ควรเกิด กรรมการบริหารพรรคชุดต่อไป ก็ต้องพิจารณาเรื่องนี้ด้วย”
เมื่อถามว่า จะยังคงจะอยู่กับพรรคใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า “ผมไม่ไปไหนหรอกครับ ยังไงผมก็ต้องอยู่ เพราะผมเป็นหนี้บุญคุณพรรค ผมเป็นชาวบ้านคนหนึ่ง สามารถทำอะไรได้ เพราะผมมีโอกาสได้อยู่พรรค ถ้าไม่มีพรรคก็ยาก พรรคนี้ให้โอกาส เขาไม่ได้สนใจว่าฐานะตระกูลมาอย่างไร ถ้าคนนี้แสดงให้เขาเห็นว่าดีพอที่จะเป็นหัวหน้าได้เขาก็เลือก เพราะฉะนั้นบุญคุณนี้ใช้ไม่หมด ผมก็ต้องตอบแทนบุญคุณเท่าที่ทำมาในช่วงปลายของชีวิตการเมือง”