โบกมือลา ปชป. อีก "อัญชลี" อดีตสส.ภูเก็ต ประกาศลาออกสมาชิกพรรค บอกละอายใจเพราะผู้นำพรรคคนใหม่เสียสัจจะ ด้าน "วิทเยนทร์" เตรียมยื่นหนังสือไขก็อก วันนี้
นางอัญชลี วานิช เทพบุตร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และอดีตสส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ หลายสมัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า "สจฺจํ เว อมตา วาจา คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย .. ถือเป็นคติพจน์ที่ชาวประชาธิปัตย์ทุกคนยึดมั่นในการปฏิบัติตนทางการเมืองมาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคในปีพ.ศ.2489 ตั้งแต่หัวหน้าพรรค คนที่ 1 จนกระทั่งถึงคนที่ 8 ดิฉันเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 จวบจนปัจจุบัน 2566 กว่า 31ปี ด้วยความมั่นคงไม่หวั่นไหวและเป็นนักการเมือง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์มาตลอดชีวิตการเป็นนักการเมืองด้วยความภาคภูมิใจในหลักการ ในอุดมการณ์ที่ซื่อตรงและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลักเสมอมา แลทุกครั้งก็จะบอกพี่น้องประชาชน มวลสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
จวบจน..9 ธ.ค.2566 มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ที่จะเป็นผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์..กลับเป็นผู้’เสียสัตย์’ในสัจจะวาจาว่าจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต เมื่อผู้นำพรรคยุคนี้ไม่อาจดำรงคติพจน์แห่งพรรค อุดมการณ์ของพรรค ไม่อาจรักษาสัจจะวาจาแห่งตนได้ ดิฉันจึงขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์นับแต่บัดนี้ เพราะละอายใจต่อมวลสมาชิกที่ซื่อตรงต่อพรรค เพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ของพรรค พร้อมขอขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ มวลสมาชิกพรรค เพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองที่ร่วมกันมั่นคงต่อพรรคมาจนถึงวันนี้ จนกว่าเราจะพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ"
ด้าน นายวิทเยนทร์ มุตตามระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "Vittayen Muttamara" ระบุว่า ผมกลับจากต่างประเทศเมื่อวานเย็น ตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้จะส่งหนังสือลาออกไปที่นายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์
ผมสมัครเป็นสมาชิกประชาธิปัตย์เมื่อปี 2549 แบบวอล์คอิน ไม่รู้จักใครไม่มีเส้นสาย ด้วยความเชื่อมั่นในอุดมการณ์และความเป็นสถาบันของพรรค ผมเดินเข้าพรรคด้วยความตั้งใจจะทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
ได้รับโอกาสจากพรรคให้ทำหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในปี 2552 - 2554 ทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแห่งชาติในปี 2552 - 2553 และเป็นผู้อำนวยการศูนย์อาสาฯ คนไทยช่วยน้ำท่วมในปี 2554 ทั้งหมดเป็นประสบการณ์การเมืองที่มีค่า ภูมิใจ และขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้โอกาส
วันนี้ผมยังยึดมั่นในอุดมการณ์ และจะมีชีวิตอยู่อย่างคนมีศักดิ์ศรีและอุดมการณ์ไปตลอดชีวิต และเชื่อเสมอว่าพรรคการเมืองต้องมีอุดมการณ์และจุดยืน หากไร้ซึ่งอุดมการณ์ก็เสมือนร่างที่ไร้จิตวิญญาณ