ส.ส."ธนภร โสมทองแดง"พรรคเสรีรวมไทยโพสต์เฟซบุ๊กลาออกจากสมาชิกพรรคทันทีหลังอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดียักยอกเงินพรรค
เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2566 น.ส.ธนภร โสมทองแดง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทยได้ โพสต์เฟซบุ๊กขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย โดยระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ทำหน้าที่ส.ส.ได้ทุ่มเททำงานให้กับประชาชนอย่างสุดความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา จนกระทั่ง เมื่อประมาณเดือนเม.ย 2565 ที่ผ่านมา พรรคเสรีรวมไทยได้ให้ข่าวว่าจะทำการดำเนินคดีกับตนเอง ในข้อหายักยอกเงินค่าสมาชิกพรรค และจะแจ้งความดำเนินคดีอาญา ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรง แต่เนื่องจากตนเองมั่นใจว่าไม่เคยกระทำความผิด จึงอดทนรอวันเวลาพิสูจน์ข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตามต่อมาปรากฏว่าพรรคฯได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับตนเองจริง และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล บางขุนนนท์ มีหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งขณะนั้นตนเองยังไม่ทราบเลยว่าถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินของสมาชิกพรรคท่านใด ขณะทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรคก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและพรรคเป็นที่ตั้ง แม้จะต้องตรากตรำทำงานหนักเพียงใดก็ตาม
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2565 ตนเองได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ จึงได้รับทราบว่าถูกทางพรรคฯกล่าวหาว่ายักยอกเงินค่าสมัครสมาชิกพรรค จำนวน2กลุ่ม และถูกแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับรวม 2 คดี ซึ่งทันทีที่ทราบข้อกล่าวหา ก็ไม่มีความกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงแค่ความพยายามที่จะทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย
น.ส.ธนภร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี ที่เป็นส.ส.นั้น ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และนำปัญหาความเดือดร้อนนั้นไปหารือในสภาเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด
ขณะเดียวกันยังได้รับโอกาสจากประธานกรรมาธิการ การป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย แต่งตั้งเป็นประธานคณะอนุกรรมการ 2 คณะเพื่อพิจารณาศึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำกัดเซาะชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน และพิจารณาศึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหาการกัดเซาะริมตลิ่งการตื้นเขินของแม่น้ำและลำคลอง ตลอดระยะเวลาที่ดิฉันทำงานในบทบาทของกรรมาธิการฯและประธานอนุกรรมการ ฯ ได้ลงตรวจสภาพพื้นที่ทั้ง 4 ภาค พร้อมทั้งรับฟังปัญหาผลกระทบของประชาชน
"วันนี้เป็นที่สิ้นสุดแล้วผลการสอบสวนของพนักงานสอบสวน และการพิจารณาคดีของพนักงานอัยการได้สิ้นสุดลงแล้วทั้ง 2 คดี โดยที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นทางคดีสั่งไม่ฟ้อง และพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องดิฉันเช่นกัน จึงขอสรุปได้ว่า เมื่อมีการพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ และผ่านกระบวนการทางกฎหมายแล้ว ดิฉันมิได้ยักยอกเงินค่าสมัครสมาชิกพรรคฯ ตามที่พรรคเสรีรวมไทยกล่าวหา"น.ส.ธนภร กล่าว
น.ส.ธนภร กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวนี้ ส่งผลให้ ครอบครัว และวงศ์ตระกูลของตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง ได้รับความอับอายและ ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง จากผู้ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่ออนาคตทางการเมืองด้วย
"ดิฉันหวังว่าพี่น้องประชาชนที่เคยรู้จักและได้สัมผัสการทำงานที่ผ่านมาของดิฉัน เมื่อได้รับทราบข้อเท็จจริง ว่าดิฉันไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา และจะยอมรับตัวตนที่แท้จริงของดิฉันมากขึ้น ณ เวลานี้อายุของสภาใกล้จะสิ้นสุดลง ดิฉันมิอาจทราบได้เลยว่าจะมีโอกาสกลับมารับใช้พี่น้องในฐานะส.ส.อีกหรือไม่ ขอเรียนย้ำต่อพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาว่า ปัญหาความเดือนร้อนของพี่น้องที่ดิฉันรับเรื่องไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขื่อนป้องกันตลิ่งพังทลาย, การขาดแคลนน้ำทำการเกษตร, ปัญหาน้ำเน่าเสีย ปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการกำจัดวัชพืช ดิฉันจะใช้กำลังความรู้ ความสามารถและความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่มีอยู่แก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จอย่างแน่นอน"น.ส.ธนภร ระบุ
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดนี้ขอขอบคุณหัวหน้าพรรคกรรมการบริหาร และเจ้าหน้าที่พรรคเสรีรวมไทย ที่ให้โอกาสและมีโอกาสทำงานร่วมกันนานกว่า 9 ปี
"ขณะนี้ ได้พิสูจน์ให้ทุกท่านเห็นแล้วว่า ดิฉันมิได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา จึงขอใช้โอกาสนี้กราบลาทุกท่าน และจะดำเนินการยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยต่อไป" น.ส.ธนภร กล่าว