"เสรี  สุวรรณภานนท์" ยอมรับ ส.ว. แบ่งขั้ว บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม หนุนนั่งนายกฯ ย้ำ เก่งแค่ไหน ดีแค่ไหน ไร้พรรคพวกหมู่เหล่า ก็ไม่ได้เป็น 

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ชี้แจง กระแสข่าวที่มีการแบ่งฝั่งของ ส.ว. เลือกหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า แบ่งเป็น 2 ฝั่งจริง ส.ว. มาจาก คสช. ที่มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน การเสนอชื่อในเลือกนายกฯ ไม่ได้มาจากคนๆ เดียว มีความเห็นหลายกลุ่ม หลายพวก เสียงแตกออกไปเล็กน้อย การที่จะเลือกใครเป็นนายกฯ เป็นหน้าที่สำคัญ

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการแข่งกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า “คนเก่ง คนดี ถ้าไม่มีหัวคะแนน ไม่มีพรรค ไม่มีพวก ไม่เคยสร้างคุณงามความดี ก็ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เมื่อแยกกันเดินแล้ว แต่ละคนก็ต้องหาคนที่มีคะแนนเสียงมาอยู่กับตนเอง มากน้อยแค่ไหน และวิธีไหน และนั่นคือคำตอบว่าพรรคไหนได้คะแนนมากแค่ไหน" 

นายเสรี กล่าวต่อว่า บางพรรคการเมืองมีนโยบายดี ประชาชนสนใจ ก็จะได้คะแนน แต่หากเสนอประเด็นเอาแต่สร้างความแตกแยก ปฏิรูปสถาบัน โดยไม่ได้ดูว่าวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างไร ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้คะแนนเสียงจากประชาชน แต่ละพรรคต้องมีกลยุทธ์และทิศทางของตนเอง เพื่อซื้อใจ ซื้อเสียงของประชาชนด้วยผลงานและนโยบายของตนเอง 

“เราลงไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งซ่อมแต่ละครั้ง มีการใช้เงินจำนวนมาก กกต. ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน ประชาชนก็ไม่กล้าไปเป็นพยาน เลือกตั้งครั้งใช้เงินสูง คนที่กล้าซื้อเสียง ทำผิดกฎหมาย ชนะทุกที กฎหมายผิดทั้งคนให้และคนรับ จึงไม่มีใครกล้าเป็นพยาน" นายเสรี กล่าว และย้ำว่า   ผู้ที่ซื้อเสียงถือว่าผิดกฎหมาย แต่ผู้ที่รับเงินถือว่าไม่ผิดกฎหมาย จึงจะทำให้มีหลักฐานเอาผิดคนที่ซื้อเสียงได้ แต่ยังไม่มีใครกล้าทำ ตนมองว่าเมืองไทยเก่งที่สร้างกลไกในการเอาคนผิดมาลงโทษไม่ได้