ชูวิทย์ นำเยาวชน บุกทำเนียบรัฐบาล ค้านกัญชาเสรี ประกาศตัวเป็นศัตรูกับ"อนุทิน"หวังลดคะแนนเสียง ต้องการล้มพรรคภูมิใจไทย
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง เดินทางมายังหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งโต๊ะแถลงข่าวสื่อมวลชน คัดค้านนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย พร้อมกับพาเยาวชนสวมชุดนักเรียน จำนวน 5 คน และผู้ปกครองของนักเรียนอีก 1 คน มาร่วมแถลงข่าวด้วย อีกทั้งได้นำต้นกัญชาอีก 4 ต้น มาตัดโชว์เป็นสัญลักษณ์ไม่เอานโยบายกัญชาเสรี
นายชูวิทย์ กล่าวโจมตีนโยบายกัญชาเสรี ว่า กัญชาเป็นประเด็นแหลมคมที่สังคมมองข้าม เพราะความเร่งรีบของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่ว่ากัญชาเป็นสิ่งไม่ดี แต่กฎกระทรวงที่ถูกออกมาอย่างเร่งรีบ โดยที่กฎหมายลูกยังไม่ผ่านสภา มองว่าเป็นการพยายามหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น
จากนั้น นายชูวิทย์ ได้เปิดคลิปปราศรัยของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งบางช่วงบางตอนของการปราศรัยหาเสียง นายอนุทินพูดว่า “หากกัญชาเสรีแล้ว นำมาพี้สูบกันเองก็ได้” ตนเองจึงมองว่า ความไม่ชัดเจนของการควบคุมการใช้กัญชาทำให้เยาวชนถูกมอมเมา โดยไม่มีความรู้และขาดวิจารณญาณ ซึ่ง นายชูวิทย์ มองว่า สังคมควรมีการถกเถียงเรื่องกัญชาให้ตกผลึกเสียก่อน ก่อนที่จะดำเนินการออกกฏหมายในการควบคุม
ขณะที่ตัวแทนผู้ปกครองของเยาวชน ที่นายชูวิทย์พามาร่วมการแถลงข่าวครั้งนี้ กล่าวว่า พวกเขาต้องการแสดงจุดยืนคัดค้านกัญชาเสรี และยืนยันว่า ไม่ได้มาโดยการถูกบังคับแต่อย่างใด
จากนั้น หนึ่งในตัวแทนเยาวชนได้อ่านแถงการณ์เรียกร้องให้กระทรวงสาธาณสุขมีความชัดเจน เรื่องการควบคุมการใช้กัญชา รวมถึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงปัญหาและตระหนักถึงผลกระทบของการใช้กัญชาโดยไม่ถูกวิธี โดยเฉพาะกรณีการใช้อย่างไม่ถูกวิธีในหมู่เด็กและเยาวชน ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อการพัฒนาการทางสมอง ในการเรียนรู้ต่างๆ รวมถึงต้องป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดว่า สามารถนำกัญชามาใช้ในการประกอบอาหารได้ จากนั้น นายชูวิทย์ ได้ถามเยาวชนทั้ง 4 คนที่พามาว่า ใครเคยเห็นเพื่อนตัวเองใช้กัญชาบ้าง เยาวชนทั้งหมดได้ยกมือขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่เยาวชนจะนำกรรไกรตัดหญ้าขนาดใหญ่ มาตัดต้นกัญชาต่อหน้าสื่อมวลชน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ถามเหตุการณ์เมื่อวานที่เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขบุกเข้าไปตรวจสอบภายในโรงแรมเดวิด นายชูวิทย์ ระบุว่า ยอมรับลูกชายสนใจที่จะประกอบธุรกิจกัญชาคาเฟ่ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว กัญชาก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ตนเองก็ยังไม่สบายใจ 100% จึงยังไม่สนับสนุน ซึ่งทีแรกพื้นที่ที่จะทำกัญชาคาเฟ่ คือ ที่ใช้สำหรับการแถลงข่าวของสื่อมวลชน จากนั้นก็มีผู้เช่าสนใจที่จะมาขอเปิดกัญชาคาเฟ่ในโรงแรม โดยลูกชายตนเองเป็นผู้ร่างสัญญา ซึ่งตลอดระยะเวลาของการเปิดกัญชาคาเฟ่ ไม่มีเจ้าหน้าที่สักคนมาตรวจสอบ ยืนยันได้ว่า ตนเองถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มี นายอนุทิน อยู่เบื้องหลัง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กระทรวงคมนาคม ทำเอกสารหนังสือขอให้ นายชูวิทย์ ส่งมอบหลักฐานการทุจริตให้กับกระทรวงคมนาคม แต่ นายชูวิทย์ ไม่ตอบอะไร แต่ได้นำหนังสือราชการดังกล่าวขึ้นมาฉีกทิ้ง
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเงิน 50 ล้านบาท นายชูวิทย์ยืนยันว่า คนพูดที่มาปฏิเสธที่หลัง ตนเองคิดว่าลิ้นไม่มีกระดูก จะพูดอะไรก็ได้ พร้อมยืนยันจากนี้ตนเองขอประกาศเป็นศัตรูกับ นายอนุทินและพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่แค่จะทำให้คะแนนเลือกตั้งในกทม.ของพรรคภูมิใจไทยหายไป แต่ต้องการไม่ให้คนไทยเลือกพรรคภูมิใจไทยทั้งประเทศ หากไม่ต้องการนโยบายกัญชาเสรี ขอให้เชื่อตนเอง สิ่งที่ตนเองทำคือ เป็นห่วงเด็กและเยาวชน
ถามถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกมาเตือนสติ นายชูวิทย์ เรื่องนโยบายกัญชาและรถไฟฟ้าสายสีส้ม นายชูวิทย์ ยืนยันว่า ตนเองกับนายสนธิ ยังรักใคร่สนิทสนมกันดี หลายสิ่งหลายอย่างตนเองและนายสนธิ ก็คิดแบบเดียวกัน
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังระบุอีกว่า เมื่อใกล้ถึงวันเลือกตั้งตนเองจะตั้งโต๊ะแดงโจมตีนโยบายการหาแสงของพรรคภูมิใจไทย เรียกได้ว่า พรรคภูมิใจไทยไปไหนตนเองก็จะตามไปด้วย ซึ่งมีหลายอย่างที่พรรคภูมิใจไทยต้องตอบคำถาม ทั้งเรื่องกรณีรุกที่ป่าเขากระโดง การกว้านซื้อ ส.ส. และนโยบายอื่นๆ ที่ออกมาจากพรรคภูมิใจไทย