เศรษฐา ยันไม่กังวล มั่นใจรัฐบาลเตรียมตัวมาดีพร้อมแจงงบฯ 67 ขอฝ่ายค้านฟังก่อนอย่าเพิ่งติงจัดงบไม่ตรงปก เผย"ปานปรีย์"เตรียมบินเซ็นเอ็มโอยูยกเว้น"วีซ่าถาวร"ไทย-จีน ขอให้มั่นใจ ดีเดย์ 1 มี.ค. แน่นอน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เผย ถึงความพร้อมการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม ว่า มีความพร้อมและคืนวันที่ 2 ม.ค.มีประชุมกับทางสส.กรุ๊ปใหญ่ เกือบ 50 คน ทุกคนมีความพร้อมและจะพยายามตอบ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคำถาม เพราะเรามีหน้าที่ในการจัดเตรียมงบประมาณ ทางฝ่ายนิติบัญญัติก็มีหน้าที่สอบถาม ถือเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำอยู่แล้ว ไม่ได้กังวลอะไรเป็นพิเศษ และในส่วนของรัฐมนตรีทุกคนก็พร้อมชี้แจง
เมื่อถามว่า แต่ยังไม่ทันเริ่มการอภิปรายและชี้แจงทางพรรคฝ่ายค้านก็บอกแล้วว่างบประมาณของรัฐบาลไม่ตรงปก เรื่องนี้จะชี้แจงอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็เหมือนกับคำถามที่นักข่าวถามว่ายังไม่ทันอภิปรายเลย ก็พูดกันแล้วก็ขออภิปรายก่อน ก็ขอโอกาสก่อนแล้วกัน ที่บอกว่าไม่ตรงๆไหน จะให้ชี้แจงตรงไหน และตรงไหนขาดตกบกพร่อง ซึ่งตนเชื่อว่า รัฐบาลพร้อมจะชี้แจง
เมื่อถามว่า หากพรรคฝ่ายค้านมีการพาดพิงนายกฯพร้อมชี้แจงกับทุกคนเลยใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็แล้วแต่ว่าเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องของกระทรวง บางกระทรวงเจ้ากระทรวงจะเป็นผู้ชี้แจง ซึ่งเป็นเรื่องของความเหมาะสม และจะอยู่สแตนด์บายทั้ง 3 วันที่สภา อย่างวันเดียวกันนี้ก็มี 2-3 ภารกิจก็นัดมาเจอที่สภา
ส่วนการนอนที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเปิดภาพห้องนอนที่ตึกไทยคู่ฟ้า นั้น นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ก็มีความพร้อม แต่ก็ต้องเป็นไปตามฤกษ์อย่างที่ตนพูดไปแล้ววันแรกคือวันที่ 7 ม.ค. แต่น่าจะไม่ได้ เพราะตอนนี้มีภารกิจหลายอย่าง
ส่วนกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบยกเว้นการตรวจลงตรา(วีซ่าฟรี)แก่นักท่องเที่ยวไทยและ นักท่องเที่ยวจีน แต่ทางรัฐมนตรีต่างประเทศจีนระบุว่ายังไม่ยืนยัน นายกฯ มีอะไรจะชี้แจงเพิ่มเติมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เราคงไม่มีอะไรชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งเราพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว และนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ จะบินไปเซ็นเอ็มโอยู จึงขอให้มั่นใจได้ว่าวันที่ 1 มี.ค.2567 จะมีการยกเว้นวีซ่าถาวรของทั้งสองประเทศ ซึ่งความจริงแล้วเรามีการทำงานกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีก็ทำมา ตั้งแต่สมัยก่อน มีการสรุปและมีการทำงานต่อ ซึ่งหากผู้สื่อข่าวติดตามก็มีการพูดตลอดว่าจะมีการยกระดับพาสปอร์ตไทย โดยมีการหยิบยกเรื่องดังกล่าวทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงว่าพรรคเพื่อไทยเราไม่หยุดในแง่ของการที่เราทำค้างไว้ และเป็นสิ่งที่ดีๆเราก็จะทำต่อ
ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รวมถึงสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวด้วย