"ชัยธวัช" ชำแหละ งบฯ 67 จัดแบบเบี้ยหัวแตก สะเปะสะปะ ไร้ยุทธศาสตร์ ซัด "รัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ" แบ่งปันอำนาจ แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ตั้งครม.ผิดฝา ผิดตัว เย้ย จากคิดใหญ่ทำเป็น กลายเป็นคิดไปทำไป
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ในกรอบวงเงิน3.48ล้านล้านบาท วาระแรก ที่รัฐสภา
นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระแรก ในวันแรก ว่า ภาพรวมของการตั้งวงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท เป็นเบี้ยหัวแตก ไม่มียุทธศาสตร์และเป้าหมาย ไม่ยึดโยงกับเป้าหมายและนโยบาย เป็นโครงการเดิมที่จับโยงกับเป้าหมายใหม่ และเคลมว่าเป็นโครงการของรัฐบาล แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนัยยะสำคัญ อย่างน้อยก็ควรจะยึดโยงนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
ทั้งนี้ตามคำแถลงงบประมาณของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง เลื่อนลอย จับต้องไม่ได้ ไม่มียุทธศาสตร์ และไม่มีลำดับความสำคัญ ทั้งที่ในการแถลงนโยบายรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 ก.ย.66 ระบุว่าประเทศเผชิญวิกฤต 3 ด้าน คือ วิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจปัญหาปากท้อง และวิกฤตความขัดแย้งในสังคม โดยนายกฯ ย้ำว่าเพื่อแก้ปัญหาต้องมีกรอบนโยบายเร่งด่วน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รวดเร็ว แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาของกาจัดสรรงบประมาณปี 67 ไม่ตอบโจทย์ต่อการแก้ปัญหาตามคำแถลงนโยบาย
นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลจะแก้ปัญหาให้ประชาชน ไม่ได้ตอบโจทย์ที่จะแก้ไขจริง ๆแต่เนื้อในตอบไม่ได้ เช่น ลดค่าไฟ โดยนโยบายลดค่าไฟ คือผลักให้ กฟผ.ยอมรับและแบกภาระ ทั้งที่ควรตั้งงบประมาณชดเชยหนี้ให้กับกฟผ. และอยากให้คนไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น หากไปถึงจุดนั้นได้ปีนี้ต้องทำประชามติ อย่างน้อย 1-2 ครั้ง แต่ไม่เห็นตั้งงบประมาณเพื่อรอไว้ทั้งที่เป็นงบประมาณรอไว้ แต่กกต. ของบประมาณ 2,000ล้านบาท แต่ได้รับ 1,000 ล้านบาท ส่วนนโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต นายกฯยืนยันจะไม่กู้ และใช้งบปกติ แต่วันนี้ชัดเจนว่าไม่ตั้งงบประมาณใดๆ ไว้ในร่างพ.ร.บ.งบฯ67
นายชัยธวัช กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณสะเปะสะปะ เมื่อดูไส้ในไม่ได้ยึดโยงเป้าหมายของนโยบาย ส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมเอามาเปลี่ยนปกแบบมั่วๆก็มี โครงการเก่าๆเดิมๆก็จับมาโยงกับเป้าหมายใหม่ แถมยังเอามาเคลมเป็นของรัฐบาลใหม่ ดังนั้นการจัดทำงบประมาณเป็นการคาดการณ์เกินจริง ทั้งที่ควรจะได้เพียง 1 แสนล้านบาท เหตุผลที่ทำเช่นนั้นเพราะต้องการทำแผนรายจ่ายให้สูงขึ้น อย่างไรก็ดีในบางนโยบายของรัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ เช่น การฟื้นฟูหลักนิติธรรม ซึ่งขณะนี้สังคมไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะทำได้หรือไม่ เพราะสิ่งที่ทำตอนนี้ทำให้สังคมเชื่อว่าเป็นระบบนิติธรรมที่ย่ำแย่ เพราะมีกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน อยู่ในระบบกฎหมาย หรือเรือนจำที่มีไว้ให้ประชาชนสามัญที่ไม่มีอำนาจ บารมีและเงินทอง
“รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ ไม่มีวาระเป้าหมายทางนโยบายที่จะขับเคลื่อนร่วมกัน เป็นการรวมการเฉพาะกิจ เพื่อแบ่งปันอำนาจกัน แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ชั่วคราว เมื่อเป็นแบบนี้จึงเห็นการตั้ง ครม. ผิดฝาผิดตัว เพราะไม่ได้แบ่งงานตามวาระเป้าหมาย แต่แบ่งตามโควตาทางการเมือง ได้เจ้ากระทรวงไม่ตรงกับงาน พรรคแกนนำรัฐบาลควรผลักนโยบายเรือธงให้ได้ ก็ไม่ได้วางบุคลากรไปบริหารกระทรวงอย่างบูรณาการ
จากที่บอกว่าคิดใหญ่ทำเป็น บางวันเป็นคิดไปทำไป คิดสั้นไม่คิดยาว คิดอย่างทำอย่างก็มี หากการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้มีวาระร่วมกันจริงๆ ผมเห็นว่าเป็นวาระแก้ปัญหาวิกฤตอำนาจของชนชั้นนำ เพราะการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลแสดงว่ารวมตัวเพื่อรักษาสภาวะเดิมของสังคมไทย ฝืน ทวนความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และปกป้องพลังสังคมแบบจารีต ต่อต้านพลังทางสังคมใหม่ที่ต้องการอนาคตที่ดีกว่านี้” นายชัยธวัช กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณฯ67 ยังยึดการทำงบแบบรัฐราชการรวมศูนย์ ที่ไม่ตอบโจทย์สังคมและความคาดหวังของอนาคตของคนไทยส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดีฐานะฝ่ายค้านไม่ต้องการเห็นการจัดทำงบประมาณในลักษณะที่ไม่เปลี่ยนแปลงหรือเหมือนเดิมในปีถัดไป ทั้งนี้พรรคฝ่ายค้านพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการปฏิรูประบบราชการและระบบงบประมาณครั้งใหญ่ โดยพรรคฝ่ายค้านจะทำหน้าที่พิจารณางบประมาณอย่างสร้างสรรค์ ขอให้ฝ่ายรัฐบาลเปิดใจรับฟังความมเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อให้การพิจารณางบประมาณเป็นประโยชน์กับประชาชน แม้จะผิดหวังกับร่างพ.ร.บ.งบฯ67