“ศิริกัญญา” ผิดหวัง “เศรษฐา” บริหารประเทศไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“ศิริกัญญา” ผิดหวัง “เศรษฐา” บริหารประเทศไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ศิริกัญญา ผิดหวัง นายกฯเศรษฐา บริหารประเทศแบบไม่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปล่อยประชาชนเผชิญวิกฤตพีเอ็ม 2.5 มอบให้รัฐมนตรีช่วยคลังแถลงถี่ เซ็งไม่ชัดเจนจะใช้งบปี 67 แก้ไขหนี้เก่าอย่างไร

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงถึงการอภิปรายงบ 3 วันที่ผ่านมา ว่า เราจะฝากวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ได้อย่างไร เพราะงบประมาณ ปี 67 ไม่ได้สะท้อนว่ากำลังแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ไม่ว่าวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตสิ่งแวดล้อม วิกฤตฝุ่นพีเอ็ม 2.5 วิกฤตมลพิษที่รั่วไหล วิกฤตด้านการศึกษา วิกฤตเด็ก วิกฤตสังคมผู้สูงวัย ซึ่งงบประมาณปี 67 ที่ตั้งไว้ไม่ได้สัดส่วนกับความรุนแรงของปัญหาที่กำลังเผชิญ และไม่ได้สะท้อนว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ทั้งยังพบการสอดไส้งบประมาณที่ไม่ตรงปก แผนสนับสนุนการสร้างความสามารถทางการแข่งขันก็มีแต่งบนำไปใช้หนี้เกือบทั้งหมด ตนอยากถามรัฐบาล ซึ่งจำเป็นจะต้องตอบในวันสุดท้ายของการแถลงงบประมาณในวันนี้ คือ วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น อัตราการขยายตัวของจีดีพี

ส่วนเรื่องงบประมาณที่ไม่ตรงปก และนโยบายขึ้นเงินเดือนข้าราชการก็ยังไม่ได้รับคำตอบจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร จะใช้งบกลางหรือจะใช้งบคลังก็ยังไม่มีคำตอบ การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ชี้แจงว่าที่ผ่านมาลดไป 10,000 - 20,000 ล้านบาท ตนคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะดำเนินมาตรการนี้อย่างต่อเนื่องจนสิ้นสุดงบประมาณ ปี 67 แปลว่ารัฐบาลจะไม่ต่อสรรพสามิตน้ำมันใช่หรือไม่ 

ส่วนหนี้มาตรา 28 มีหนี้ซุกอยู่ซึ่ง ธกส.จะต้องจ่ายไปก่อน เช่น โครงการจำนำข้าว ที่ถูกบิดเบือนว่าฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย วิธีการแบบนี้จะทำให้คำถามที่แท้จริงไม่ได้รับคำตอบ ยืนยันว่าหนี้ตามมาตรา 28 แม้จะไม่ใช่หนี้สาธารณะ แต่ก็เป็นหนี้ที่ประชาชนต้องรับผิดชอบผ่านการจ่ายภาษี จึงขอให้รัฐบาลยอมรับและเปิดเผยข้อมูลว่าหนี้มีเท่าไหร่ และจะต้องจ่ายอีกกี่ปี ซึ่งที่ตนเห็นมีหนี้เกิน 1,000,000 ล้านบาท งบประมาณใช้หนี้ก็ปรับลดลง เพราะจะต้องนำไปใช้โครงการอื่น จึงฝากรัฐบาลว่า จะมีวิธีแก้แก้ไขปัญหาอย่างไร เพราะท้ายที่สุดก็จะเป็นภาระในงบประมาณปีต่อไป

อย่างไรก็ตาม น.ส.ศิริกัญญา ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ได้หยิบยกประเด็นการประมาณการเศรษฐกิจ GDP ที่ 5.4% เอาไว้ เพราะทำให้กลบคำถามสำคัญที่รัฐมนตรีจะต้องตอบ แต่สำหรับกรณีที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า เอกสารจากสำนักงบประมาณผิดเพียงแค่จุดเดียวที่เป็นการแสดงตัวเลข Nominal GDP ที่ไม่ได้หักผลของเงินเฟ้อ ส่วนหน้าอื่นเป็น Real GDP นั้น เรื่องนี้หากท่านยอมรับว่าเป็นข้อผิดพลาดแต่โดยดี ก็ไม่ต้องถกเถียงกันเป็นเวลาถึง 2 วัน เพราะการคำนวณแบบนี้ไม่มีใครเขาทำ

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีการตั้งงบประมาณบำเน็จบำนาญไว้ไม่เพียงพอต่อการจ่ายในปี 2567 เนื่องจากไม่ได้ตั้งเงินเดือนข้าราชการเผื่อไว้ ทั้งที่จะมีนโยบายขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบ ว่าจะไปใช้งบประมาณกลาง หรืองบคงคลังแทน

ทั้งนี้ สำหรับการประมาณการรายได้ที่สูงเกินจริง ฝ่ายค้านได้สอบถามถึงภาษี 4 ตัวที่รายได้หายไป เนื่องจากมีปัญหาว่ารัฐบาลจะนำเงินจากส่วนใดมาทดแทน อาทิ ภาษีขายหุ้น การลดหย่อนกองทุนต่างๆ และรายได้นำส่งกฟผ. แต่ได้คำตอบกลับมาเพียงเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและเบนซิน ทำทำให้รายได้หายไป โดยชี้แจงว่า รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการมาแล้ว 2 เดือน ทำให้ลดภาษีไปได้ประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งในความเป็นจริงเราคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะดำเนินมาตรการนี้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2567 จึงสะท้อนได้ว่ารัฐบาลจะไม่ต่อมาตรภาษีสรรพสามิตน้ำมันใช่หรือไม่

นอกจากนี้ น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวถึงวิกฤติการณ์ด้านความมั่นคง ที่ยังได้รับคำตอบไม่ชัดเจน ว่าเมื่อวานนี้ (4 ม.ค.) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวถึงสัดส่วนงบกลาโหมที่งบประมาณไม่ลดลง แม้ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ แต่ในปีนี้กลับเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 2 ว่า นายสุทินยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจให้ลดลงมากเช่นนี้และจริงๆ ของบไปมากกว่านี้ แต่สำนักงบประมาณจัดให้เพียงเท่านี้ คำตอบนี้ตอบคำถามที่ดาวน์น้อยผ่อนนาน เป็นสุทินดาวน์น้อย นายสุทินบอกว่าไม่อยากดาวน์น้อย อยากดาวน์มากกว่านี้ไปจนถึง 20% ซึ่งหากนายสุทินอยากดาวน์ตามที่วางแผนไว้ เราจะมีงบกระทรวงกลาโหมที่สูงกว่านี้แน่นอน 

ส่วนเรื่องแผนการลดกำลังพล เข้าใจว่า นายสุทิน เพิ่งเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เพียงแค่ 3 เดือน แต่แผนการลดกำลังพลของกองทัพนั้นเป็นแผนปี 2560-2570 ซึ่งผ่านมาแล้ว 7 ปีก็คาดหวังว่าจะเห็นการลดลงของงบประมาณบุคลากรกองทัพได้แล้ว ไม่ใช่ยังคงเพิ่มขึ้น และยังเห็นจำนวนทหารที่เพิ่มขึ้นทุกปี แต่มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นคือการเกษียณอายุก่อนราชการสำหรับข้าราชการกลาโหม ซึ่งจะรอติดตามในงบประมาณปี 2568 เพราะต้องมีการตั้งงบเพื่อชดเชยค่าตอบแทนสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการและงบบุคลากรก็อาจจะเพิ่มขึ้นในปี 2568 สำหรับเรื่องเรือดำน้ำนั้น เหมือนนายสุทินจะยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง ส่วนที่นายสุทินชี้แจงว่าเราผิดสัญญา แต่ความจริงเราไม่ได้ผิดสัญญาเรือดำน้ำแม้แต่ครั้งเดียว วันนี้เกินระยะเวลาที่ต้องส่งเรือดำน้ำแล้ว เราจึงมาทวงถามว่าสรุปแล้วจะเอาอย่างไรกันแน่

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องวิกฤตสิ่งแวดล้อมนั้น ไม่มีอะไรที่จะรบกวนจิตใจประชาชนในช่วงนี้ได้เท่ากับฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเมื่อนายกรัฐมนตรีได้ฟังคำอภิปรายของสส.พรรคก้าวไกล ในการเตรียมงบประมาณด้วยตึกห้าชั้นแล้ว แต่ท่านก็ยอมรับเองว่าไม่ได้มีแผนอะไรอยู่ในงบของปี 2567 แล้วจะไปใช้งบกลางในการดำเนินนโยบายนี้ ทั้งที่เรื่องฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้น แต่เราจะอยู่ในการบริหารราชการแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวไปถึงเมื่อไร คิดว่าเปลี่ยนรัฐบาลแล้วจะดีขึ้นแต่ก็ยังเหมือนเดิม

สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ที่มีการตั้งงบประมาณไว้ 2 ก้อนในปี 2567 นั้น เรื่องท่อน้ำมันที่มีการเว้นที่ไว้สำหรับการวางท่อน้ำมัน แต่ในการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่มีท่อน้ำมันอยู่ในนั้น ดังนั้น การที่จะไปหานักลงทุนมาขนถ่ายน้ำมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ผิดฝา หรือไม่เช่นนั้นอาจจะต้องรื้อรายงานที่เราจ่ายเงินไปแล้ว 68 ล้านบาทที่ใกล้เสร็จแล้วไปปรับแผน ซึ่งหากทำเช่นนั้นก็จะไม่ตรงกับผลของคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงเรื่องช่องแคบมะละกาที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่ามีความแออัดก็ไม่ได้แออัดขนาดนั้น จึงเป็นเหตุผลที่เราไม่ควรที่จะสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ ทั้งนี้ หากมีความแออัดจริงสิงคโปร์ก็คงจะไม่สร้างท่าเรือใหม่ 

น.ส.ศิริกัญญา อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดนี้เราอาจจะไม่ต้องกังวลมาก เพราะสุดท้ายหากเราคาดว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการที่เอกชนจะมาลงทุนเองเกือบ 100% หากนักลงทุนไม่มาเพราะเราวาดแผนที่สวยหรูเกินจริง เราก็คงไม่ต้องกังวลเพราะสุดท้ายโครงการนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่ที่ตนต้องมาพูดเรื่องนี้เพราะหากไม่มีนักลงทุนมาคนที่จะนอนไม่หลับคือประชาชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่กำลังจะถูกเวนคืนที่ดิน เพราะเขาจะไม่เหลือความมั่นคงอะไรในชีวิตแล้ว โดยที่ต้องลุ้นไปวันต่อวันว่าบ้านของเขาจะถูกเวนคืนที่ดินหรือไม่ แต่ยืนยันว่าเราเห็นด้วยกับการที่จะพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ การปรับปรุงท่าเรือเดิมหรือสร้างใหม่ก็ตามให้เป็นท่าเรือยุทธศาสตร์สำคัญ แต่สิ่งที่เรายังกังขาคือความคุ้มค่า สวยหรูจริงหรือไม่ จึงต้องฝากให้นายกรัฐมนตรีไปศึกษาอย่างรอบคอบ

“นี่เป็นคำถามที่เรายังรอคำตอบจากรัฐบาล และยังให้เวลากับรัฐบาลในช่วงสุดท้ายของการอภิปราย ก่อนที่จะมีการลงมติ โดยในช่วงบ่าย พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการแถลงว่าเราจะมีมติเช่นไร ซึ่งท่านยังคงมีเวลาที่จะเปลี่ยนใจเราได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ ตอบคำถามเหล่านี้ให้ครบถ้วน ให้กระจ่างว่าจะแก้ปัญหาให้ประเทศนี้พ้นวิกฤตผ่านงบประมาณปี 67 ได้อย่างไรบ้าง“

เมื่อถามว่า บทบาทการชี้แจงของ นายกฯ เป็นอย่างไรบ้าง นส.ศิริกัญญา เผยว่า การชี้แจงในเรื่องเศรษฐกิจ ตนคาดหวังว่า นายกฯ จะตอบมากกว่านี้ แต่กลับให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังตอบในเรื่องงบประมาณและเศรษฐกิจเป็นหลัก น่าผิดหวัง ช่วงที่ผ่านมามีเพียง นายกฯประยุทธ์ ที่ตอบเรื่องงบประมาณเป็นหลัก ตนจึงคาดหวังว่าช่วงสุดท้าย นายกฯ จะมีบทบาทในการอภิปรายงบประมาณหรือไม่

ส่วนกระทรวงอะไรที่ชี้แจง และผิดหวังกับคำตอบมากที่สุด นส.ศิริกัญญา เผยว่า การชี้แจงเรื่องงบประมาณ ปัญหาเศรษฐกิจน่าผิดหวังมากที่สุด หรืออาจเป็นอคติของตน แต่ต้องสอบถามท่านอื่นด้วยว่ามีอะไรที่มีปัญหา เราต้องติดตามว่ายังมีรัฐมนตรีท่านไหนที่ยังไม่ตอบ โดยเฉพาะเรื่องพีเอ็ม 2.5 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จะมาตอบเอง แต่ใครเห็นท่านอยู่ในห้องประชุมหรือไม่

TAGS: #ศิริกัญญา #ก้าวไกล #เศรษฐา #ประชุมสภา #งบ67