เปิดข้อเสนอ ป.ป.ช. ชี้แจกเงินดิจิทัล เสี่ยงทุจริต ขัดกฎหมายการเงินการคลัง ส่อทำโครงการแจกเงินของเศรษฐาถึงขั้นล้ม

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต  ไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณา

สาระสำคัญ การแจกเงินดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย     ไม่ตรงกับที่หาเสียงไว้ว่าจะไม่กู้เงิน แต่ภายหลังมาออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยอ้างว่าต้องดำเนินการเพราะวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ ป.ป.ช. มองว่า นโยบายที่หาเสียงและแถลงต่อสภา ไม่ตรงกับที่ทำจริง และไม่มีหน่วยงานที่กำกับดูแลชัดเจนอาจเป็นกรณีตัวอย่างของการหาเสียง ที่มีลักษณะสัญญาว่าจะให้ อาจขัด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 มาตรา 73 (1) หรือมาตรา 136 วรรคหนึ่ง

นอกจากนี้ ประโยชน์ที่ได้จากโครงการไม่ชัดเจน ที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น การกำหนดเงื่อนไขในการขึ้นเงินของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ อาจจะมีความเสี่ยงในการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้

ขณะเดียวกันการกู้เงินถึง 5 แสนล้านบาท ทำให้ป.ป.ช. มองว่า จะเป็นความเสี่ยงการคลังในอนาคต และที่สำคัญเสี่บงผิดกำหมายวินัยการเงินการคลัง ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ มีการบัญญัติไว้ตามมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561

ป.ป.ช. สรุปว่า จากการศึกษาพบว่า ยังไม่เห็นว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเข้าข่ายวิกฤต การแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทเพียงครั้งเดียว จึงไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน

ทั้งนี้หลังจาก รัฐบาลได้อ่านรายงานของป.ป.ช. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า การเลื่อนประชุมการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่าน Digital Wallet ชุดใหญ่ ออกไปไม่มีกำหนด เนื่องจากองค์ประชุมยังไม่ครบ 

นอกจากนี้ ที่ประชุมจะต้องพิจารณาพร้อมกันทั้ง คำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา และข้อเสนอแนะจากทาง ป.ป.ช. และจะดำเนินงานตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง ข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. 

ทั้งนี้เดิมคณะกรรมฯ Digital Wallet ชุดใหญ่ จะมีการประชุมในวันนี้เวลา 15.30 น. โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ที่เดินทางไปต่างประเทศมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุม 

นายภูมิธรรม เปิดเผยว่าการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการดิจิทัล Wallet ชุดใหญ่ในวันนี้ออกไปก่อนเนื่องจากว่า จะมีการนำความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมด้วย จากเดิมจะมีการพิจารณาเฉพาะคำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้ามาในที่ประชุม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลจะได้พิจารณาเรื่องต่างๆ ให้รอบคอบรวมทั้งก็เป็นช่วงเวลาที่ท่านนายกรัฐมนตรีจะได้กลับมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการชุดนี้ด้วยตัวเองด้วย