"พิธา" ฟัง คำตัดสินศาลรธน. มั่นใจความบริสุทธิ์ ปัดตอบนั่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลั่นไม่ยึดติดตำแหน่ง ด้อมส้มแห่ให้กำลังใจ ยกเป็น "นายกฯ ในดวงใจ"
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.ก้าวไกล พร้อมด้วยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมารับฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั่ง (กกต.) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ โดยศาลได้เริ่มประชุมหารือกันตั้งแต่เวลา 09.30 น. และจะแถลงคำวินิจฉัยในเวลา 14.00 น. ผ่านช่องทางยูทูป "ศาลรัฐธรรมนูญ"
นายพิธา ให้สัมภาษณ์ว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรคก้าวไกล ทุกคนในพรรคที่คอยให้กำลังใจ ที่ทำงานหนักตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ที่ช่วยทำคำแถลงปิดคดี ส่วนตน มั่นใจในข้อเท็จจริง และความบริสุทธิ์ของตัวเอง นอกจากนี้ ยังได้เตรียมแผนการดำเนินงานของพรรค ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป เสาร์ อาทิตย์นี้ก็ลงพื้นที่เหมือนเดิม ในกรณีที่กลับเข้าสภาได้ ส่วนจะเข้าได้เมื่อไหร่นั้น คงต้องคุยกับประธานสภาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการจัดการเรื่องเอกสารจะต้องใช้เวลา โดยตนจะให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการ
"วันนี้ขอฟังคำวินิจฉัยก่อน ผมยังมั่นใจในบรรทัดฐานคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองสูงสุดก่อนหน้านี้ ซึ่งหากใครได้ลงรายละเอียดจะเข้าใจว่าการเป็นสื่อมวลชนนั้นจะต้องมีใบประกอบกิจการอะไรบ้าง" นายพิธา กล่าว และว่า สิ่งแรกที่จะทำทันที หลังฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ลงพื้นที่ภาคเหนือ
เมื่อถามว่ามีข้อกังวลใจอะไรบ้างหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีข้อกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงในอดีตหรือสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งอนาคตก็ยังรับใช้พี่น้องประชาชนเหมือนเดิม ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรคก้าวไกลในการจัดทำแผนการทำงานของพรรคก้าวไกล ในปี 2567
มาถามว่าคาดว่ามติของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นเอกฉันท์หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ตนไม่อาจก้าวร่วงในเรื่องนี้ได้ คงต้องรอฟังอย่างเดียว
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าอาจจะซ้ำรอยกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายพิธา กล่าวว่า หากศาลลงรายละเอียด โดยกรณีของนายธนาธรนั้นมีเอกสารที่สามารถพิจารณาได้ว่ายังสามารถประกอบกิจการได้ แต่กรณีของบริษัทไอทีวี ทางกสทช.ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีคลื่นความถี่ ไม่สามารถกลับมาทำธุรกิจได้ ที่สำคัญคือตนได้โอนหุ้นให้กับน้องชายแล้วตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าในอนาคต จะเกิดอะไรขึ้น กับทางบริษัทไอทีวี
เมื่อถามว่า กระบวนการหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้วจะกลับไปเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนและนายชัยธวัชไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง ตนแค่ต้องการทำงาน ในช่วงเดือนเม.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ มีประชาชน เจ้าหน้าที่ที่ทำงานที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ จำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจ หลังจบการสัมภาษณ์ต่างกรูกันเข้ามาหานายพิธา พร้มตะโกนคำว่า "นายกฯ พิธา" "นายกฯ ในดวงใจ"