“พิชิต” ท้าเปิดสภาซักฟอก หากข้องใจ “ทักษิณ” ได้รับอภิสิทธิ์พักโทษ 

“พิชิต” ท้าเปิดสภาซักฟอก หากข้องใจ “ทักษิณ” ได้รับอภิสิทธิ์พักโทษ 
“พิชิต” ท้า ใครข้องใจ “ทักษิณ” ได้รับอภิสิทธิ์พักโทษ ให้เปิดสภาซักฟอกเลย ยก “แม้ว” นั่งรถเข็นเข้ากระบวนการยุติธรรมเอง แขวะ บางเรื่องน่ากลัวกว่าเพราะเข้ายาก แฉ เมื่อวานมีอัยการทำผิดกฎหมายแอบถ่ายภาพ

นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เผย ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ ว่า เราต้องตั้งสติกัน อำนาจอธิปไตยของไทยแบ่งเป็นนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ การพักโทษอยู่ในขอบเขตอำนาจการบริหาร อย่างที่ตนเคยเรียน คดีเก่าๆ ของนายทักษิณที่กลับมารับโทษในกระบวนการยุติธรรมจบลงแล้วตั้งแต่ศาลออกใบแดงแจ้งโทษ ขณะนี้ท่านอยู่กระบวนบังคับโทษ บริหารโทษ ซึ่งอยู่ในอำนาจของฝ่ายบริหาร คือ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ที่บริหารโทษอยู่ หากใครเห็นว่ากระบวนการบังคับโทษไม่ถูกอย่างไรก็ควรใช้เวทีสภาเพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกในสังคม ไปตั้งกระทู้ถาม หรือหากถึงเวลาที่เหมาะสมพรรคฝ่ายค้านก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วตรวจสอบกันในระบบสภาดีกว่าจะเลือกที่รักมักที่ชัง มีอคติต่อกัน แล้วให้ประชาชนตัดสินว่าการชี้แจงอันไหนตอบได้ ไม่ได้ เคลียร์ ไม่เคลียร์ ถ้าบ้านเมืองอยู่กันแล้วไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ ตามใจกัน เอาแต่ใจกัน อยากวิงวอน ตนตั้งใจมาพูด ไม่ได้จะว่าร้ายใคร ยืนยันเรื่องนี้สามารถตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายว่าการพักโทษเป็นไปตามหลักเกณฑ์และระเบียบหรือไม่ เราต้องมีหลักการ ยืนยันว่าการพักโทษนายทักษิณไม่ได้ทำลายกระบวนการยุติธรรม 
 
นายพิชิต กล่าวว่า สำหรับคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่นายทักษิณถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้น คดีนี้จะทำให้เห็นว่านายทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วในเวลาที่เหมาะสม แม้จะไม่สะดวก นั่งรถเข็นไป นายทักษิณก็เข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรม เริ่มนับหนึ่งตั้งไปพบอัยการ เพราะเป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร และได้มีการนัดหมายฟังคำสั่งกัน ทั้งนี้ ขอว่าอย่าเอา 2 เรื่องมาปนกัน ถ้าเข้าใจตรงนี้ ขอให้เข้าใจกลไกระบบรัฐสภา เข้าใจเครื่องมือในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เราจะได้อยู่กันด้วยหลักด้วยเกณฑ์ ไม่เช่นนั้นจะกลับไปสู่ความแตกแยกในสังคมที่ไม่พึงประสงค์ ตนจึงออกมาพูดในวันนี้ให้ทุกคนตั้งหลักว่าระหว่างการพักโทษท่านก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างไม่อิดเอื้อน ไม่ได้ถูกอายัดตัว และไปพบอัยการเองด้วย ซึ่งตอนนี้ได้รับการประกันตัวออกมา 
 
“ในฐานะนักกฎหมาย ผมมองว่าเรื่องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมยากมันน่ากลัวมากกว่าสิ่งที่เรียกร้องว่าทำลายกระบวนการยุติธรรม ยังมีอีกหลายเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมยากมาก เราน่าจะมาศึกษาว่าทำไมหลายเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ได้หรือเข้ายาก”นายพิชิต กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องอาการนายทักษิณที่ระบุว่าวิกฤติ แต่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ นายพิชิต กล่าวว่า อยากให้ไปดูหลักเกณฑ์ของการพักโทษว่าท่านป่วยระดับไหน ไม่ใช่ว่าท่านจะต้องถึงขั้นโคม่า มันมีหลักเกณฑ์ ลำดับ การให้คะแนนสุขภาพ และการจะป่วยจริงหรือไม่ อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาวัด เราต้องแยกกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ออกจากตัวนายทักษิณ ซึ่งนายทักษิณเป็นฝ่ายถูกตรวจสอบว่าจะได้รับการพักโทษหรือไม่ ส่วนป่วยจริงหรือไม่ป่วยจริงให้ตรวจสอบกันในระบบรัฐสภา และคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการพักโทษมีรวมแล้ว 19 หน่วยงาน เรื่องนี้อยากให้ดูหลักเกณฑ์ เพราะถ้าเอาความรู้สึกมาวัดจะเถียงกันไม่จบ ส่วนที่มีการร้องเรียนให้แพทย์เปิดเผยอาการของนายทักษิณนั้น ไม่ใช่แค่นายทักษิณ แต่คนไข้ทั่วโลกไม่มีหมอคนใดจะเอาข้อมูลของคนไข้มาบอกกับสังคม มันเป็นกฎ กติกา จริยธรรม จรรยาบรรณของแพทย์ ส่วนกรณีไม่ติดกำไลอีเอ็มนั้น เป็นการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาพักโทษที่จะกำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติตัวออกมา 
 
“เมื่อวานไม่สบายใจ ระหว่างที่ท่านไปมอบตัวได้ข่าวว่ามีอัยการท่านหนึ่งพยายามขอถ่ายรูปท่าน ไม่สบายใจครับ อยากให้ไปตรวจสอบกันว่าเป็นท่านใด ผมไม่สบายใจจริงๆ ไม่รู้จุดประสงค์ว่าจะถ่ายรูปเพื่ออะไร ทีมงานรายงานผมมา ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ไม่อยากเอ่ยนามว่าท่านใด”นายพิชิต กล่าว 
 
เมื่อถามว่า ขั้นตอนการรับทราบข้อกล่าวหาไม่จำเป็นต้องถ่ายภาพใช่หรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ไม่ควรถ่ายภาพอย่างยิ่ง ส่วนจะเป็นการละเมิดสิทธิ์หรือไม่นั้น ตนมองว่าท่านควรรู้เลยว่าผิดกฎหมายเลย ไม่ใช่แค่เรื่องละเมิดสิทธิ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทักษิณได้พูดอะไรบ้างหรือไม่ เกี่ยวกับเสียงวิจารณ์ นายพิชิต กล่าวว่า ตนไม่ได้ติดต่อกับท่าน แต่สิ่งที่ตนพูดเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และข้อเท็จจริงที่ทราบ ส่วนการเคลื่อนไหวชุมนุมข้างทำเนียบฯนั้น ตนมองว่าเป็นสิทธิ์ แต่การให้ข้อมูลในที่ชุมนุม ควรให้ข้อมูลที่ถูกต้อง

TAGS: #ทักษิณ #ทักษิณกลับบ้าน #พักโทษ