"เสรี"ขอ"เศรษฐา"เป็นนายกฯให้ถึง 25 มี.ค. เพื่อฟังสว.อภิปราย ปัญหา เศรษฐกิจ-ประชาชน เหน็บ โรดโชว์ต่างประเทศ 200 ครั้ง ไม่เกิดประโยชน์อาจเป็นจุดเปลี่ยนตัวนายก
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. กล่าวถึง การอภิปรายทั่วไปของสว.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 มี.ค.นี้ ว่า ขณะนี้มีความพร้อมแล้ว ซึ่ง สว.ได้รับทราบประเด็นญัตติเสนอให้วุฒิสภาประสานกับรัฐบาลให้มาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่ง ขณะนี้มีสวแสดงเจตจำนงที่จะอภิปรายแล้วกว่า 30 คน แต่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาหลังจากขอรัฐบาลไป 2 วันแต่รัฐบาลกำหนดเพียงวันเดียว ซึ่งได้เวลาในการอภิปราย 12 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้มีสว.ขออภิปรายจำนวนมาก จึงต้องหารือร่วมกันว่า โดยขอความร่วมมือให้ลดจำนวนคนในการอภิปรายคนไหนที่มีประเด็นเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันอาจจะมอบให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้อภิปราย และให้คนที่มีข้อมูลเยอะได้มีเวลาในการอภิปราย ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชน และให้ได้สาระมากที่สุด
ทั้งนี้ โอกาสที่จะปรับลดจำนวนส.ว.ก็ยังคงมีอยู่ และมองว่าถ้ารัฐบาลให้ความสำคัญและใจกว้างหน่อยก็น่าจะจัดสรรเวลาได้สัก 2 วัน เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อประชาชนจึงไม่ควรจำกัดเวลาอะไรมากมาย เพราะเป็นการนำปัญหามาคุยกันในสภา รัฐบาลน่าจะให้ความสำคัญแต่รัฐบาลเองยังไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้พยายามที่จะติดต่อมาเพื่อไม่ให้มีการลงชื่อให้ครบ เวลาหรือดึงเวลาในการอภิปรายให้ไกลออกไปอีก และย้ำว่า หากเป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมืองรัฐบาลควรขวนขวายรับฟังข้อเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหา ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเสียประโยชน์และเสียความน่าเชื่อถือ แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ยังคงยืนยันที่จะให้อภิปรายเพียง 1 วัน ขณะเดียวกัน เป็นเวลาสุดท้ายแล้ว จะทิ้งทวนทิ้งหอกแต่ว่าตอนทิ้งดาบ ก็จะทำให้ดี เพราะที่ผ่านมาไม่มีการอภิปรายแบบนี้ กว่าจะทำความเข้าใจกับสมาชิกวุฒิสภาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถ้าเป็นเรื่องง่ายก็คงได้อภิปรายไปตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ดังนั้นส.ว.ต้องเข้าใจขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่ใช่เป็นการล้มรัฐบาล
ส่วนการอภิปรายครั้งนี้มีการอ้างว่ารัฐบาล ยังไม่ใช้งบประมาณนั้น นายเสรี กล่าวว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อยู่แล้ว ว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องของการใช้งบประมาณหรือไม่ใช้ แต่รัฐบาลเอามาอ้างไม่ได้ว่ายังไม่ใช้งบประมาณ เพราะตามรัฐธรรมนูญรัฐบาลสามารถใช้งบประมาณตามกฎหมายเดิมได้อยู่แล้ว
สำหรับเรื่องที่ส.ว.แสดงความจำนงไว้มากที่สุดคือเรื่องของเศรษฐกิจเรื่องปากท้อง ของประชาชนซึ่งขณะนี้ลำบากใน ปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบันกับกลายเป็นว่าจะแก้ไขปัญหาโดยแจกเงินดิจิทัลซึ่งถือว่าผิดทาง และสมาชิกสนใจที่จะอภิปราย
ส่วนที่มีการมองว่าจะถึงขั้นเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีนั้น นายเสรี กล่าวว่าก็ถูกมองกันได้ แต่เรื่องของการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีนั้นมีการพูดกันมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ตนก็ยังภาวนา ให้รัฐบาลในยุคปัจจุบัน อยู่ได้ถึงวันที่ 25 มีนาคม เพื่อที่จะได้อภิปรายกัน เพราะถ้าเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ครม.ก็ต้องหมดไป การอภิปรายก็จะทำให้สิ้นผลไป ดังนั้นอยู่ให้ครบถึงวันที่ 25 มีนาคมนี้
นายเสรี กล่าวว่า ปัญหาประเทศมีเยอะ แต่รัฐบาลแก้ไขเป็นรูปธรรมไม่ได้ไม่มีความชัดเจน ซึ่งสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือมีสถิติเดินทางไปต่างประเทศ 200 ครั้ง 200 วัน แล้ว ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าแทนที่จะเอาเวลาไปบริหารประเทศเพื่อทำประโยชน์ให้กับประชาชนหรือพูดคุยกันในสภา ทำให้เสียโอกาสมองว่า อาจเป็นจุดเปลี่ยน ทำให้ต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ต้องให้คนที่มี กำลังทำการเมืองเป็นคนตัดสินใจ แต่มันเห็นอยู่แล้วว่าไม่ใช่ตัวนายกคนปัจจุบันที่ตัดสินใจ นายกฯปัจจุบันก็อยู่ด้วยจมูกของคนอื่น
ส่วนการอภิปรายครั้งนี้จะพูดถึงนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่นั้น นายเสรี มองว่า ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงคนนอกเพราะหลักการคือ พูดถึง กระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองเป็นสำคัญ ที่ถูกการเมืองแทรกแซงการใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมหลายมาตรฐาน พูดแค่นี้ประชาชนก็เข้าใจ