"บิ๊กตู่" เมินจดหมาย"บิ๊กป้อม" โยงรัฐประหาร ลั่นเลิกพูดได้แล้วเรื่องเก่า ครั้งสุดท้ายจบไปแล้ว มองเป็นการดิสเครดิต ยันเดินตามประชาธิปไตยไม่ให้ใครลากออกนอกกติกา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 2/2566 ถึงบรรยากาศการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ในช่วงนี้ว่า ในฐานะนายกฯ ก็มองว่าทุกคนหาเสียงในสิ่งที่ตัวเองจะทำในวันข้างหน้า ตนไม่อยากไปเกี่ยวข้อง ต่างคนต่างหาเสียงไปกัน แต่หากจะตอบที่ไม่ใช่ในฐานะนายกฯ ในการหาเสียงตนก็บอกแล้วต้องทุกอย่างต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่ให้เกิดภาระกับประเทศในวันข้างหน้า เพราะเราแก้มาตั้งนานแล้วหลายๆเรื่องก็ดีขึ้น จะกลับไปที่เก่าทั้งหมดก็มีปัญหา
ถามกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกจดหมายหลายฉบับ พล.อ.ประยุทธ์ เผย ก็อ่านๆ อ่านไป ไม่เห็นมีอะไรใครจะเขียนก็เขียนได้ทั้งนั้น ก็คิดเอาเองแล้วกัน
ถามว่า ในจดหมายมีการย้อนถึงเรื่องอำนาจนิยมและการรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ “เลิกได้แล้วตั้งแต่ปีไหนมาแล้ว ผมมายืนตรงนี้มายืนด้วยอะไร รัฐธรรมนูญไม่ใช่เหรอ ด้วยระบบสภาไม่ใช่เหรอ แล้วในช่วงก่อนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ลองดูซิว่าถ้ามันไม่มีอะไรที่ทำให้ความขัดแย้งลดลงมันจะเกิดอะไรขึ้นถึงวันนี้เราจะยืนอยู่แบบนี้ได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
ถามว่า วันนี้บรรยากาศไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรแบบนั้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยัน ไม่มี ตนไม่เห็นจะมีอะไรเลยเพียงแต่ประชาชนทุกคนต้องคิดว่าเกิดอะไรขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างจะพัฒนาได้ประเทศต้องสงบเรียบร้อย มีความสุข คือไม่มีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้น ขออย่ากลับไปที่เดิมอีกเลย
ถามย้ำ แต่พล.อ.ประวิตรเขียนเรื่องนี้ 2-3 ครั้งที่ย้อนถึงเรื่องการรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็แล้วแต่ท่าน แล้วใครจะรัฐประหาร ใครจะทำผมถาม ผมเคยพูดไปตั้งนานแล้วว่ามันครั้งสุดท้ายแล้ว มันไม่ควรจะมีอีกแล้วและมันอยู่ที่พวกเราจะช่วยกันได้อย่างไร ถ้าขัดแย้งการรุนแรงกัน ผมก็ไม่รู้มันจะแก้ปัญหาด้วยอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมไม่เกี่ยวแล้ว”
เมื่อถามว่าแสดงว่าหลังจากนี้ก็จะไปสู่ประชาธิปไตยในการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถาม แล้ววันนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยเหรอ ก็ประชาธิปไตย ทุกคนก็พยายามรักษากฎกติกากฎหมายมีทุกตัว
เมื่อถามว่า ที่มีกระแสพูดถึงเรื่องการรัฐประหารในช่วงนี้มองว่าเป็นการดิสเครดิตก่อนการเลือกตั้งหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้นายกฯ มาแบบนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เหรอนานแล้วนะ เธอก็ถามท่านมาแบบนี้อยู่แล้ว ก็แน่นอน เขาต้องดิสเครดิตเราแน่นอน อธิบายชี้แจงไปก็หลายครั้ง สภาก็พูดอะไรก็พูดก็คิดเอาเองแล้วกัน”
เมื่อถามว่านายกฯ มองว่าวันนี้พล.อ.ประวิตร เปลี่ยนไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็เป็นพี่ผมเหมือนเดิมไม่มีอะไรหรอก” เมื่อถามย้ำว่า ในทางที่ออกมาสื่อสารการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็มีคนช่วยท่านเยอะอยู่แล้วนิ” เมื่อถามต่อว่ามองว่าอาจจะมาจากคนรอบข้างคำพูดที่ใช้ไม่ใช่พล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เปิดหน้าทางการเมืองเต็มตัวบอกว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากังวลหรือไม่ ว่าตนไม่เคยไปแข่งอะไรกับท่าน เพียงแต่ที่พูดในครั้งก่อนนั้น อยากให้มองมุมมองภาพใหญ่ที่รัฐบาลทำตอนนี้ ทุกคนเก่งหมด ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าตนไม่มีความรู้เศรษฐกิจ แต่ตนอยู่มาหลายปีแล้วและได้ศึกษา พร้อมทั้งมีคนเก่งอยู่กับตนจำนวนมากเป็นร้อย
ถามว่า ในฐานะที่อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติมองว่าตอนนี้พรรคไหนเป็นคู่แข่งตัวจริง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน ทุกพรรคแหละมั้ง เพราะทุกพรรคก็แข่งกันหมด
เมื่อถามว่า แต่พล.อ.ประวิตรชูจุดขายเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง ในเรื่องขั้วอำนาจอนุรักษนิยมและเสรีนิยม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “แล้วมันขัดแย้งตรงไหนตอนนี้ ขั้วอะไร ผมไม่เห็นมีขั้วสักขั้ว ก็คิดกันเองหมด อย่าสร้างความสับสนอลหม่านมากนักเลย ใครพูดอะไรมาขยายหมดมันก็มีแต่เรื่อง ผมจะไม่พูดอะไรเรื่องพวกนี้มันจบไปแล้วก็จบไปแล้ว ของเก่าก็ของเก่า วันนี้เดินหน้าประเทศไปเถอะ บนท่ามกลางความสงบสุข ความเรียบร้อยของประเทศชาติไม่ดีกว่าหรือ ผมก็คิดแค่นี้ที่ผ่านมาผมก็คิดแบบนี้มาตลอด”
เมื่อถามว่านายกฯ ก้าวข้ามความขัดแย้งได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยัน ตอนนี้ความขัดแย้งมันไม่มี จะมีตรงไหน ตนไม่เห็นอะไรมีความขัดแย้งกันทั้งสิ้น แต่ถ้าเป็นความเห็นต่างอาจยังมีอยู่และรับได้ ส่วนความขัดแย้งมันต้องมีต่อยตีกันหรือทำอะไรสักอย่าง ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วหลายปีที่ผ่านมาก็เกิดมาแล้วอย่าให้เกิดขึ้นมาอีก
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เหมือนตอนนี้นายกฯ พยายามสู้ในระบอบประชาธิปไตยบนกติกา แต่มีคนพยายามลากออกไปนอกกติกา พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนว่า เรื่องอะไรให้เขาลากออกไป ตนอยู่ในกติกาของตน กติกาประชาธิปไตย ย้ำว่าต่างประเทศประเมินให้ประเทศไทยอันดับประชาธิปไตยขึ้นมาแล้ว ต้องดูตรงนั้น คะแนนเราสูงขึ้นแล้วมาบอกว่าเราไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกระแสวิจารณ์ว่ารัฐบาลทิ้งทวนงบประมาณ หวังเรียกคะแนนก่อนเลือกตั้ง ผ่านหลายมาตรการในขณะนี้ เช่น ค่าป่วยการ อสม. รวมทั้งค่าตอบแทนเพิ่มของ อบต. โดยพล.อ.ประยุทธ์ ย้อนว่าทิ้งทวนอะไร ความจริงเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งในส่วนของ อสม.เป็นเรื่องที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาและเสนอเข้ามาแต่ทั้งนี้การใช้จ่ายงบประมาณก็เป็นเรื่องของวันข้างหน้า ซึ่งต้องจัดหางบประมาณให้เกิดความเพียงพอ
วันนี้เราต้องพูดถึงงบประมาณรายจ่ายปี 67 ก็ต้องมีการเสนอแผนการใช้จ่ายงบประมาณของปี 67 ต้องเข้าสู่การพิจารณาในสภาอีกครั้ง นี่ถือเป็นแค่หลักการที่ผ่านความเห็นชอบ ยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้ใคร ทำให้ประชาชนด้วยกันนั่นแหละ ซึ่งต้องดูปริมาณงานของเขาเมื่อมีความเหน็ดเหนื่อยก็ต้องพิจารณาให้เท่านั้นเอง
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าที่มือซ้ายของนายกรัฐมนตรีได้มีการถอดเข็มน้ำเกลือแล้ว แต่มือด้านขวายังคงใส่เฝือกอ่อนและสวม ARM-SLING หรืออุปกรณ์ช่วงพยุงแขน เพื่อประคองมือที่เจ็บอยู่ โดยนายกฯ ระบุว่าแพทย์ยังคงให้ยาทุกวัน และยืนยันไม่