“ชนินทร์” ซัดรัฐบาล “เศรษฐา” หมดสภาพ ขาดความเชื่อมั่น เหตุประมาณการ GDP ถูกปรับลด เตือนรากหญ้าตาย รายใหญ่ไปไม่รอด ประเทศหายนะ
นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาฯ เผยถึง การทำงานของรัฐบาล ว่า จากที่หลายสถาบันองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงภาครัฐ เอกชน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารโลก สภาพัฒน์ฯ ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย ต่างศึกษาวิเคราะห์ประมาณการเจริญเติบโตเศรษฐกิจหรือ GDP ของประเทศไทยในปีนี้จะลดลงจากเดิมกว่า 3% ลงมาเหลือกว่า 2% สะท้อนถึงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลตลอด 6 เดือนว่าล้มเหลวอย่างชัดเจน และขาดความเชื่อมั่นในสิ่งที่รัฐบาลจะทำต่อไปในอนาคต ที่สำคัญยังบกพร่องเรื่องจริยธรรม เพราะรัฐบาลทำลายกระบวนการยุติธรรมไทย ทำให้การดูแลนักโทษเกิดสองมาตรฐาน อีกทั้งข้ออ้างหนึ่งที่รัฐบาลชอบใช้แก้ตัว คือ งบประมาณแผ่นดินล่าช้า เป็นเหตุให้ไม่มีผลงานนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล เพราะรัฐบาลมีอำนาจที่จะบริหารงบประมาณทั้งก่อนและหลังงบประมาณบังคับใช้ เช่น การเร่งรัดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในส่วนต่างๆ และเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ วิจารณ์รัฐบาล อีกว่า ช่วงเริ่มต้นเข้ามาบริหารประเทศรัฐบาลประกาศจะทำหลายเรื่อง ทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท การขึ้นค่าแรง แก้ปัญหาหนี้สิน แต่ทำสำเร็จเพียงเรื่องเดียว คือ ช่วยอดีตนายกฯ โดยที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเดินสายไปต่างประเทศบ่อยครั้ง ช่วงแรกเดินทางไปโรดโชว์ขายเมกะโปรเจ็คโครงการแลนด์บริดจ์ แต่สุดท้ายไม่มีใครสนใจชัดเจน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเดินแฟชั่นโชว์ขายผ้าขาวม้า นายกฯ อาจรู้สึกภูมิใจนิตยสารดังให้สมญานามเป็นเซลส์แมน แต่สำหรับตนอายคนทั้งโลก เพราะนายเศรษฐาเป็นได้เพียงเซลส์แมนขายฝัน เป็นผู้นำแฟชั่น แต่ไม่ใช่ผู้นำประเทศ ส่วนโครงการแก้หนี้ให้กับประชาชนนั้น ขณะนี้หนี้สินทั้งในและนอกระบบ มีมูลค่าเกือบ 20 ล้านล้านบาท สุดท้ายก็ปิดโครงการช่วยได้ไม่ถึง 1% ของหนี้ทั้งหมด และยังมีภาพความขัดแย้งกับ ธปท. อีก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องส่งเสริมการลงทุนและนวัฒนกรรมใหม่ โดยสนับสนุนรายย่อย ถ้ารากหญ้าตาย รายใหญ่ก็ไม่รอด ถึงเวลานั้นหายนะของประเทศเกิดขึ้นแน่ ขณะที่การท่องเที่ยวเหมือนหากินกับของเก่าขาย ชูเรื่องนี้อย่างเดียวไม่ได้ การประกาศวิสัยทัศน์ให้ไทยประเทศเป็นฮับการท่องเที่ยวนั้น ไม่ต้องประกาศก็เป็นอยู่แล้ว เป็นผู้นำประเทศต้องตามโลกให้ทัน อยากให้ไปดูประเทศสิงคโปร์ที่ผู้นำประเทศประกาศให้ประเทศของเขาจะเป็นฮับด้าน AI