"สว.เสรี" เปิดฉากเวทีซักฟอกรัฐบาล ฟาด ผลงานเด่นช่วยคนผิดไม่ต้องรับโทษ ภาวนาขอนายกฯอยู่ครบ 4 ปี ไม่มีใครมาเลื่อยขาเก้าอี้ บอก "เศรษฐา" เลิกเป็นนายกเซลส์แมน
การประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาญัตติด่วน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาตามมาตรา 153 เพื่อให้คณะรัฐมนตรีชี้แจงข้อเท็จจริง ที่มีนาย ศุภชัยสมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เป็นประธาน โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ได้เปิดอภิปรายว่า ในการยื่นขออภิปรายดังกล่าวนี้ถูกพูดถึงว่าเป็นการซักฟอก หรือล้มรัฐบาล ทำให้รัฐบาลเสียหาย ขอชี้แจงว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิดในทางการเมืองเองไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะยื่นขอเปิดอภิปรายเพราะเกรงว่าจะกระทบพวกตัวเอง กับคนมีอำนาจ ทำให้การทำงานในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นได้ยาก แม้กระทั่งในวุฒิสภาเองก็ต้องยอมรับว่ากว่าจะได้สมาชิกลงชื่อถึง 90 กว่าคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นการขอเปิดอภิปรายทั่วไปต้องทำอย่างรวดเร็ว ฉับพลันเพราะถือว่าเป็นปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินประเทศชาติและประชาชน แต่รัฐบาลก็ใช้เวลาเกือบ 2 เดือน จึงจะกำหนดเวลาให้ ตนขอทักท้วงว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ ไม่เห็นความจริงใจของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหาให้กับประเทศมีมากน้อยแค่ไหน
ตนพูดในวันนี้เพื่อที่จะให้เป็นแนวทางบรรทัดฐานในอนาคตว่าเมื่อใดก็ตามเมื่อมีการขอเปิดอภิปรายให้มองว่าเป็นประโยชน์จากการทำงานแต่นี้กลายเป็นรัฐบาลเองกับเอาเวลาไปใช้อย่างอื่นจึงสำคัญน้อยกว่าเช่นเดินทางไปต่างประเทศ หลายครั้งในช่วงระยะที่เข้ามาบริหารประเทศ เอาเวลาไปเชียงใหม่ไปกินอาหารกินไวน์ทั้งๆที่ฝุ่นเต็มเมืองเชียงใหม่ ท่านก็เอาเวลาไปใช้ในเรื่องเหล่านี้ จริงๆผมก็ยอมรับว่าเป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ผมกำลังชี้ให้เห็นว่าท่านใช้เวลาเหล่านี้ไม่ให้ความสำคัญกับการที่จะมารับฟังว่าประเทศในการบริหารราชการแผ่นดินมีปัญหาอะไร แต่ท่านก็กลับไปสูดปัดฝุ่นควันที่เชียงใหม่ ทำให้พรรคฝ่ายค้านออกไปแสดงบทบาทเชิงตัดหน้าลงไปตรวจดูไฟไหม้ป่าต่างๆ แต่ท่านก็ยังให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้อาจจะสำคัญแต่การที่วุฒิสภาจะบอกว่าเป็นปัญหาของประเทศ มันเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องมารับฟังแก้ไขร่วมกัน หากนายกรัฐมนตรีและคณะให้ความสำคัญเกี่ยวกับการประชุมเหล่านี้ ก็เป็นภาพลักษณ์ที่ดี แต่นายกฯมา เองวันนี้ก็เป็นไปตามที่ตนภาวนาหวังว่านายกจะอยู่ไม่ถึงวันที่ 25 มีนาคม แต่สิ่งที่ตนภาวนาได้ผลคือ ทำให้นายกฯและคณะมาประชุมร่วมกันที่รัฐสภาถือว่าเป็นประโยชน์กับรัฐบาล
นายเสรี กล่าวอีกว่า วุฒิสภาต้องการเห็นรัฐบาลที่มั่นคง มีเสถียรภาพ เป็นการบริหารประเทศที่สร้างความยั่งยืน มั่งคั่ง สร้างความผาสุกให้กับประชาชน เพราะเรื่องปากท้องเป็นเรื่องสำคัญของประชาชน กรณีที่ได้หาเสียงมา ที่มีการพูดถึงการกินดีอยู่ดีแต่ตอนนี้เวลาผ่านมา 6 เดือนเข้าเดือนที่ 7 ก็ยังไม่สามารถทำอะไรที่เป็นรูปธรรม การแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน ท่านหวังเพียงอย่างเดียวว่าทำไม่ได้ เพราะต้องรอกฎหมายงบประมาณ เพราะกฎหมายยังไม่ออกเลยทำไม่ได้กลายเป็นข้อแก้ตัว แต่กฏหมายงบประมาณยังไม่ออก แต่การบริหารประเทศไม่ได้หยุด รัฐธรรมนูญมาตรา 141 ก็ได้บัญญัติไว้ถ้ากฎหมายเกี่ยวกับงบประมาณยังไม่ออกให้ใช้กฎหมายงบประมาณเดิมไปพลางๆก่อนได้ แต่กลายเป็นข้อแก้ตัวที่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ ก็เลยหาเหตุผลมากล่าวอ้างแต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่านก็ตั้งใจ จะแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต พอจะแจกเงินก็มีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย วินัยการเงินการคลัง ที่มีองค์กรต่างๆทักท้วง ว่าการแจกเงินดิจิทัลทุจริตคอรัปชั่น ถามกลับคณะรัฐมนตรีว่าถ้าหากแจกเงิน 10,000 บาทแล้วประชาชนได้รับเงินสามารถใช้เงินดังกล่าวได้ไม่ถึงเดือน แต่เงินที่ต้องไปกู้มา 5แสนล้านบาท เงินจำนวนมหาศาลเหล่านี้ไม่สามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่ต้องการได้ แต่จะกลายเป็นการกระตุ้นความลำบากความยากจนให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้น
ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้น ไม่ใช่แก้อย่างที่ท่านทำ คือกระทรวงพาณิชย์ไปจัดอีเว้นท์ที่ห้าง ห้างได้ประโยชน์แต่คนทั่วไปได้ประโยชน์หรือไม่ถ้าจะทำจริงต้องเปิดตลาดชุมชน ทุกตำบลให้ประชาชนมีที่ขายของ และเปิดทุกวัน ไม่ใช่เปิดแค่ 2 วันแล้วบอกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ ปากท้องก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้ที่มั่นคงยั่งยืนและต่อเนื่อง นี่คือการแก้ปัญหาที่แท้จริง
"ไม่ใช่ท่านไปต่างประเทศแล้วทำตัวเป็นเซลส์แมน จริงๆเซลส์แมนไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แต่อย่างท่านนายกฯไปต้องไปแบบ CEO ท่านต้องไปแบบผู้บริหารระดับสูง ส่วนเซลส์แมนต้องให้นายภูมิธรรม เวชยชัย เพราะอยู่กระทรวงพาณิชย์ เพราะมีทูตพาณิชย์อะไรเยอะแยะ อันนี้ผมคิดว่ากลับหัวกลับหางหมดเลยไปๆมาๆรัฐมนตรีหลายคนก็ออกมาเชียร์ท่านนายกฯยกใหญ่ บอกเป็นเซลส์แมนดีอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เชียร์กันไป แต่ผลที่ออกมามันไม่ได้ประโยชน์ในภาพลักษณ์ภาพรวมอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ไปดูถูกดูแคลนเซลส์แมน แต่สิ่งที่ท่านทำนั้นท่านต้องทำตัวเป็นผู้บริหารระดับสูงเป็น CEO"
ส่วนการใช้กฎหมายจะทำอย่างไรที่จะสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนกระบวนการยุติธรรมนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องที่ตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องสร้างมาตรฐานมาตรการของการที่จะให้ ประชาชนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรมด้วยกัน แต่ปรากฏว่าผลงานดีเด่นของรัฐบาลที่ทำอยู่ มีความชัดเจน มีความโดดเด่น สามารถทำให้ประสบความสำเร็จ ตนดูแล้วด้วยความเคารพ มีอยู่เรื่องเดียวเรื่องช่วยคนทำผิด แล้วไม่ต้องรับโทษ ให้หน่วยงานกรมราชทัณฑ์มีการออกระเบียบหลายฉบับ เอื้อต่อการที่จะช่วยคนไม่ต้องให้รับโทษแม้กระทั่งศาลพิพากษามาแล้ว แต่กรมราชทัณฑ์เอง กลับกลายเป็นออกกฎหมายออกระเบียบเอื้อประโยชน์ต่อบางคนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย อันนี้โดดเด่นเป็นผลงานของรัฐบาลเป็นผลงานของนายกแต่กระบวนการยุติธรรมเสียหาย ตนก็ทักท้วงว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ มีวิธีหลายอย่างที่จะสามารถจะทำได้ไม่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก ไม่ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ดี แต่ทำเพราะแสดงอำนาจแสดงบทบาท แสดงความยิ่งใหญ่ ว่ากลับมาประเทศแล้วไม่ติดคุกสักวันเดียว ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ตนพูดในหลักการไม่ได้พูดในตัวบุคคล แต่ด้วยความห่วงใย ตนภาวนาขอให้นายกอยู่ครบ 4 ปี ไม่ใช่จะเป็นข่าวถูกเปลี่ยนทุกวี่ทุกวัน ถูกเลื่อยขาเก้าอี้อยู่ทุกวัน ตนก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
ส่วนกรณีจับบ่อนที่บางใหญ่ ถามว่าเปิดบ่อนใหญ่โตขนาดนี้ตำรวจไม่รู้หรอ รู้แต่ก็เหมือนยาเสพติด ขายที่ไหนตำรวจก็รู้ แต่นายกฯปล่อยปละละเลยทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น คนที่ทำเหล่านี้ก็รู้เห็นเป็นใจเล่นละคร ไปจับเพราะสิ่งเหล่านี้ผิดกฎหมาย สิ่งผิดกฎหมายหากินง่าย ถ้าทำถูกกฎหมายหากินไม่ได้ แต่หลายฝ่าย ก็ปล่อยให้ผิดกฎหมายอยู่ตลอดเพราะเป็นช่องทางทำมาหากินหารายได้ของเจ้าหน้าที่บางคนและจำนวนมาก