"ประชาชาติ" ตั้งเป้าเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคใหญ่ขึ้น-ได้ ส.ส. 13 คน ‘ทวี’ ชี้ ไร้วาระเปลี่ยน กรรมการบริหารพรรค เปรย อยากได้ รมต.อีก 1 เก้าอี้สร้างผลงาน ยันไม่เคยได้ยิน เพื่อไทย ทวงคืน"ประธานสภา"
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) เผย ก่อนเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ครั้งที่ 1 ว่า เป็นการประชุมตามกฎหมายพรรคการเมืองที่หนึ่งปีต้องมีการประชุมหนึ่งครั้ง ซึ่งจะดูเรื่องของงบการเงินต่างๆ เพื่อแจ้งให้สมาชิกทราบถึงการดำเนินการของพรรค ปช. รวมถึงเล่าทิศทางการทำงานของสภาฯ ในปีหน้า ไม่ได้มีวาระเรื่องการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.)
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า เราตั้งพรรคมาแล้ว 6 ปี แต่ 4 ปีแรกเราเป็นฝ่ายค้าน 7 เดือนนี้เราได้เป็นรัฐบาล สิ่งสำคัญคือประชาชนหรือสมาชิกพรรคไม่ได้อยู่รับใช้รัฐบาล แต่รัฐบาลต่างหากที่อยู่รับใช้ประชาชน ฉะนั้น พรรค ปช.ต้องแสดงให้ประชาชนได้รับทราบ อีกทั้งเราตั้งเป้าว่าพรรคจะใหญ่ขึ้น เป็นพรรคที่มีอัตลักษณ์ของตัวเอง เป็นสถาบันของประชาชนให้ได้
เมื่อถามว่า มีการตั้งกลุ่มเป้าหมายไว้หรือไม่ที่จะทำให้พรรคใหญ่ขึ้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า พรรคการเมืองเป็นของคนทั้งประเทศ แต่เราต้องดูขีดจำกัด ซึ่งอาจจะต้องรักษาฐานสามจังหวัดชายแดนให้ดีขึ้น ครั้งนี้เรามี สส.เขต 7 คน ครั้งต่อไปก็ควรจะได้ 13 คน เพราะครั้งนี้เราเป็นรัฐบาลมีอะไรก็ช่วยกันผลักดันเรื่องพื้นที่ภาคใต้ เชื่อว่าประชาชนต้องการเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพชีวิตที่ดี เขามีความฝัน มีความหวัง เราต้องเอาความฝัน ความหวังของพวกเขาไปถึงจุดหมายให้ได้ สิ่งสำคัญที่ต้องแก้สำหรับตนมี 3 เรื่องคือ 1.ปัญหายาเสพติด 2.ขจัดผู้มีอิทธิพล และ 3.การต่อสู้กับความยากจน ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนในส่วนของทั้งรัฐมนตรีและสภาฯ
เมื่อถามว่า ได้มีการตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ว่าครั้งหน้าจะได้ สส.กี่เก้าอี้ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป้าหมายจะเป็นแค่ภาคใต้ก่อน
เมื่อถามย้ำว่า ภาคใต้คือทั้งหมดกี่คน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ภาคใต้คือ 14 จังหวัด
พ.ต.อ.ทวี เผยส่วนกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคประชาชาติ เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี ยังไม่เคยมาพูดคุยกับพรรคประชาชาติในเรื่องดังกล่าว แต่พรรคประชาชาติ ได้มีการพูดคุยกัน เพราะพรรคฯ ได้โควตารัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่พรรคฯ ก็อยากได้ 2 คน เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้
ส่วนหากมีข้อเสนอใหม่เพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 1 ที่นั่ง เพื่อแลกกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น พันตำรวจเอกทวี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น พร้อมยืนยันว่า เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของตนเองเท่านั้น เพราะจะต้องเป็นไปตามโควตา และพรรคประชาชาติ ต้องรักษามารยาท เพราะมี สส.เพียง 9 คน และพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่กว่าพรรคประชาชาติ มี สส. 10 คน
พันตำรวจเอกทวี ยังชี้แจงย้ำถึงกระแสข่าวการทวงคืนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชาติ กลับไปยังพรรคเพื่อไทยนั้น โดยยืนยันว่า กระแสข่าวดังกล่าว ไม่เคยได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ เพราะตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เกิดจากการเลือกของ สส.จำนวน 500 คนในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎร จะต้องเป็นกลางทางการเมือง ดังนั้น ใครก็ตามที่เป็นประธาน จะต้องเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ และเรื่องการเปลี่ยนตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร ตนเองก็ยังไม่เคยได้ยิน