ปรับครม.ไม่ช่วย "เศรษฐา" เหนื่อยเพิ่มขึ้น

ปรับครม.ไม่ช่วย
การปรับครม.ครั้งนี้ยังยากที่จะสร้างคะแนนนิยมของรัฐบาลเศรษฐา กลับขึ้นมาได้ ในทางกลับกันอาจทำคะแนนติดลบเพิ่มมากขึ้นจากการที่ "ปานปรีย์"ลาออก งานนี้ "เศรษฐา"เหนื่อยเพิ่ม

การปรับครม.เศรษฐา 2 ออกมาเรียบร้อยแล้ว รายชื่อเป็นไปตามโผ แต่ภาพใหญ่ใจความของปรับครั้งนี้ ก็ยังไม่ได้มุ่งเน้นประสิทธิ์ของงานเป็นตัวตั้ง ในภาพรวมถูกมองว่าเป็นการปรับเพื่อตอบแทนบุญคุณกันในทางการเมืองเสียมากกว่า

แม้จะมีการปรับเพื่อเสริมทัพทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อมาขับเคลื่อนสานฝันนโยบายแจกเงินดิจิทัล โดย "เศรษฐา ทวีสิน " นายกรัฐมนตรี ลุก จากกระทรวงการคลัง  ไม่นั่งควบกระทรวงใด เพื่อเปิดทางให้  "พิชัย ชุณหวชิร " ที่ปรึกษาของตัวเอง ก้าวขึ้นมากุมบังเหียนเศรษฐกิจ เต็มตัว ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง  พร้อมดัน "เผ่าภูมิ โรจนสกุล" เลขา รมว.คลัง ลูกหม้อเพื่อไทย ขึ้น เป็นรมช.คลัง อีกคน โดยที่ "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" และ "กฤษฎา จีนะวิจารณ" ยังคงเป็น รมช.คลัง อยู่เช่นเดิม รวมเบ็ดเสร็จแล้ว กระทรวงการคลัง มีรัฐมนตรี ถึง 4 คน แต่ทว่า เมื่อทุกคนล้วนมีบทบาทในรัฐบาลนี้ อยู่แล้ว จึงไม่ได้ทำให้การปรับทีมเศรษฐกิจครั้งนี้ สร้างความหวังใหม่ในการแก้ไขขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มากเท่าทีควร

ในขณะการปรับรัฐมนตรีกระทรวงอื่นๆนั้น ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ ในเรื่องของการวางคนให้เหมาะสมกับกับงาน อาทิ การโยกสลับเก้าอี้ ระหว่าง  "สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล" รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กับ "เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช" รมว.วัฒนธรรม นั้น หากว่ากันตามข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งคู่ไม่ได้มีผลงานโดดเด่น แต่ก็มีแบ็คทางการเมืองสูง ในพรรคเพื่อไทย จึงได้เป็นรัฐมนตรีในครั้งที่ผ่านมา  และการย้ายสลับครั้งนี้ เหตุผลลึกๆ เป็นเพียงลูกชายของรัฐมนตรี ต้องการกระทรวงนี้ จึงวิ่งล็อบบี้ ผู้ทรงพลังในพรรคเพื่อไทย จนสำเร็จ

ขณะเดียวกันมีการตั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพิ่มขึ้น เป็น 3 คน จากเดิม ที่มี แต่ "พวงเพ็ชร ชุนละเอียด"คนเดียว ซึ่งมีคำอธิบาย เพราะไม่ต้องการให้ไปกระทบในการแบ่งงานกระทรวงอื่น และ พรรคร่วมรัฐบาล จึงจัดไปกระจุกตัวอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล

สำหรับ รมต.ประจำสำนักฯ นั้น ประกอบด้วย  "จักรพงษ์ แสงมณี" อดีต รมช.การต่างประเทศ "พิชิต ชื่นบาน" อดีตทนายความคดีถุงขนม  และ "จิราพร สินธุไพร" ส.ส.ร้อยเอ็ด ลูกสาว "นิสิต สินธุไพร "แกนนำเสื้อแดง 

โดย "พิชิต"อาจเป็นรัฐมนตรีสายล่อฟ้า  และอาจจะถูกยื่นตีความคุณสมบัติได้  เนื่องจากเคยถูกจำคุกคดีละเมิดอำนาจศาล 6 เดือน ไม่รอลงอาญา  กรณีหิ้วถุงขนมใส่เงินสด 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาล ระหว่างการพิจารณาคดีที่ดินรัชดาฯ ของศาลฎีกาคดีแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อีกทั้งผลพวงในคดีนี้  สภาทนายความในขณะนั้น  ยังมีมติลงโทษ "พิชิต"ตาม พ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ.2528 ด้วยการลบชื่อออกจากการเป็นทนายความ ด้วย 

ทั้งนี้ "พิชิต"ถูกวางให้ดูฝ่ายกฎหมายตามสายงานตัวเองถนัด ส่วน "จักรพงษ์ แสงมณี" นั้น "นายกฯเศรษฐา " ต้องการเอามาอยู่ใกล้ตัว จึงถอดออกจาก รมช.ต่างประเทศ ขณะที่ "จิราพร"ถูกจัดวางให้ดูงานสื่อ เอาใจคนรุ่นใหม่  มาตามโควต้าส.ส.อีสาน และยึดโยงเสื้อแดง  ส่วน"พวงเพชร"ที่หลุดไป เหตุยังทำงานไม่เข้าตานายกฯเศรษฐา

ขณะที่ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" จากรองนายกฯหลักลอย  ได้ดิบได้ดีขยับไปเป็นรมว.สาธารณสุข เปิดทางให้ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ"รมว.คมนาคม ซึ่งเป็นคู่หูคู่บุญกันมา เป็นรองนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่ง เบียด "น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว" อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตกเก้าอี้ เนื่องจากเป็นผลอานิสงห์จากการเป็นรมว.ยุติธรรม สมัยลุงตู่ ที่ปูทางจนนายใหญ่กลับไทยได้สำเร็จ ผสมกับ หมอชลน่าน ไม่ถูกใจ อดีตนายกฯสาว เลยต้องหลุดจากเก้าอี้ไปก่อนกาล

ด้าน "ปานปรีย์ พหิทธานุกร" โดนถอดออก รองนายกฯ เหลือเก้าอี้ รมว.การต่างประเทศ โดยภาพรวมถือว่าโดนลดบทบาท จึงประกาศลาออกไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี งานนี้ทำให้รัฐบาลเศรษฐา ต้องเสียมือดีด้านต่างประเทศ และรัฐมนตรีภาพลักษณ์ดี ออกไป ถือว่าได้ไม่คุมเสีย

ปมหลักของ "ปานปรีย์"ที่ลาออก เพราะไม่มีการบอกกล่าวกันก่อน จึงรู้สึกว่าถูกปลดออกจากรองนายกฯและ ความจริง "ปานปรีย์"ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ เป็นภาพของนักบริหาร นักวิชาการ ประเด็นเรื่องการให้เกียรติ และศักดิ์ศรี  เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง  ไม่เหมือนกับนักการเมืองการ ที่ตำแหน่งต้องมาก่อน แม้สุดท้ายจะได้ตำแหน่งอะไรก็ได้ขอให้ได้ตำแหน่ง และนี้เป็นบทเรียนของนายกฯเศรษฐา

นอกจากนี้ประเด็นที่จับตามองอีกประเด็นคือความยิ่งใหญ่ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่ยึดกระทรวงเกษตรฯมาอยู่ในกำมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการดัน "อรรถกร ศิริลัทธยากร" ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ มา เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ สำเร็จ  แซงเอาชนะ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการดัน "อนันต์ ผลอำนวย"ส.ส.กำแพงเพชร มาดำรงตำแหน่งดังกล่าว 

เท่านั้นยังไม่พอ ร.อ.ธรรมนัส ยังเขี่ย " ไชยา พรหมา"หลุดจาก รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้งปิดทาง รัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ให้เข้ามาแบ่งคุมกระทรวงเกษตรฯ เลย โดย "จิราพร สินธุไพร" เข้ามาแทน "ไชยา"โควต้าส.ส.อีสาน ต้องไปนั่งเป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่ "สุชาติ ชมกลิ่น" พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปนั่ง รมช.พาณิชย์ ทั้งที่เสียบแทน "อนุชา นาคาศัย" รมช.เกษตรฯ

งานนี้ ว่ากันว่า เหตุที่ ร.อ.ธรรมนัส มีพาวเวอร์ มากขนาดนี้ เพราะมีแค่ชื่อไปอยู่พลังประชารัฐ แต่ใจไปอยู่พรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว

ฉะนั้นการปรับครม.ครั้งนี้ ยังยากที่รัฐบาลเพื่อไทย จะสร้างคะแนนนิยม กลับขึ้นมาได้ ในทางกลับกันอาจทำคะแนนติดลบเพิ่มมากขึ้นจากการที่ "ปานปรีย์"ลาออก งานนี้ "เศรษฐา"เหนื่อยเพิ่ม

TAGS: #ปรับครม. #เศรษฐา #ปานปรีย์ #ธรรมนัส #การเมือง